AKP พุ่งกระฉูด 13% นิวไฮรอบกว่า 3 ปี ลุ้นรายได้ปีนี้โต 20%

AKP พุ่งกระฉูด 13% นิวไฮรอบกว่า 3 ปี ลุ้นรายได้ปีนี้โต 20% หลังเพิ่มกลยุทธ์การตลาด-ลดต้นทุนหนุน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(14 ก.ค.2564) ราคาหุ้นบริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) หรือ AKP ณ เวลา 10.16 น. อยู่ที่ระดับ 2.32 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 12.62% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 74.32 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 3 ปี 8 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 2.32 บาท

โดยก่อนหน้านี้นายวันชัย เหลืองวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) หรือ AKP เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้มาเติบโต 20% จากเป้าหมายเดิมที่ 10-15% หลังจากการปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดส่งผลให้ไตรมาส 1/64 รายได้เติบโตเกือบ 20% จากไตรมาส 1/63 ประกอบกับบริษัทวางแผนในการบริหารลดต้นทุนในการหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนขึ้น โดยใช้แนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Environmental, Social and Governance :ESG) และ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) ในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดค่าแก็ส ส่งผลให้ต้นทุนในการเผาทำลายเหลือเพียง 20-30% เท่านั้น

โดยแผนการดำเนินงานในปี 64 บริษัทยังคงรักษาฐานลูกค้าเก่า โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาล แต่จะเพิ่มการให้บริการรับกำจัดน้ำเสียให้แก่กลุ่มลูกค้า 9 จังหวัด โดยแบ่งเป็นสัดส่วน ระยอง 37%, ชลบุรี 20%, กรุงเทพฯ 10%, อยุธยา 9%, ปราจีนบุรี 6%, สระบุรี 6%, ฉะเชิงเทรา 5%, สมุทรปราการ 4% และปทุมธานี 3%

นอกจากนี้ ยังมีแผนการลดใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการเผาทำลายของเสีย จากการทำโครงการการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Environmental, Social and Governance :ESG) และ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) โดยมีแนวคิดในการจัดการขยะของเหลว คือการรับของเสียมาปรับสภาพ ตกตะกอน เผา และนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ พร้อมกันนี้บริษัทวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) ด้วย

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ บริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อย คือการรับของเสียที่ต้องทำลายจากต่างประเทศ แต่ก็เริ่มเห็นการผ่อนคลายในการเดินทางบ้างแล้ว

ส่วนการเติบโตของธุรกิจการกำจัดของเสีย มองว่าภาพรวมในอนาคตอาจมีการเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากมีการกำจัดของเสียนอกระบบค่อนข้างมาก และผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ทำให้ปริมาณกากของเสียที่เข้าระบบกำจัดลดลงเรื่อย ๆ จากเดิมมี 1 แสนตันในปีก่อนๆ แต่ปี 63 ลดลงเหลือเพียง 7-8 หมื่นตันเท่านั้น อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่ายังคงมี Capacity เพียงพอสำหรับการดำเนินงานเพื่อการเติบโตในอนาคต

ด้านผลประกอบการในไตรมาส 1/64 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การตลาดและการขาย จึงทำให้รายได้อยู่ที่ 106.30 ล้านบาท เติบโต 19.98% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 ที่มีรายได้ 88.60 ล้านบาท  และกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.35 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุน 7.07 ล้านบาท ส่งผลให้สิ้นไตรมาสนี้บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 185 ล้านบาท

Back to top button