AQ ลุ้นปีนี้พลิกกำไรแม้ภาวะศก.ชะลอฉุดยอดขายต่ำกว่าเป้ามาที่ 2.2 พันลบ.
AQ ลุ้นปีนี้พลิกกำไรแม้ภาวะศก.ชะลอฉุดยอดขายต่ำกว่าเป้ามาที่ 2.2 พันลบ.
นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ เปิดเผยว่า ผลประกอบการปีนี้มีลุ้นพลิกเป็นกำไรสุทธิ จากที่ขาดทุนสุทธิ 285.61 ล้านบาทในปีที่แล้ว หลังช่วงครึ่งแรกปีนี้ทำกำไรสุทธิได้แล้ว 59.57 ล้านบาท และคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะยังอยู่ระดับที่ดี จากการรับรู้รายได้ทั้งหมดของยอดขายรอโอน(backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 300-400 ล้านบาท
แต่ในส่วนของยอดขายในปีนี้คาดว่าจะทำได้เพียง 2.2 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 2.5 พันล้านบาท เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังไม่มีสินค้าใหม่ออกมาขายเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่ทำยอดขายได้แล้ว 2.2 พันล้านบาท
ขณะที่การเปิดโครงการใหม่ในช่วงปลายปีนี้อีก 2 โครงการ มูลค่ารวมราว 500 ล้านบาทนั้นคาดว่าจะไม่ได้ช่วยเพิ่มยอดขายมากนัก เพราะเปิดในช่วงปลายปี โดยโครงการที่จะเปิดใหม่ ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ที่จ.ชลบุรี มูลค่าทั้งโครงการ 1 พันล้านบาท แต่จะเปิดเฟสแรกประมาณ 200 ล้านบาทในปลายปีนี้ก่อน ส่วนอีกโครงการ เป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ ที่สวนสยาม มูลค่า 300 ล้านบาท จำนวน 55 ยูนิต
สำหรับแผนงานในปี 59 คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่มูลค่าโครงการมากกว่า 2.8 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการที่อยู่ตรงข้ามที่ดินพหลโยธิน-รังสิต จำนวน 120 ไร่ มูลค่า 2 พันล้านบาท ซึ่งจะพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ ที่ราคาเฉลี่ย 3-7 ล้านบาท/ยูนิต และอีกโครงการจะเป็นการพัฒนาโครงการต่อเนื่องบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ในจ.ชลบุรี เฟส 2
นอกจากนี้อยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินในเมือง ซึ่งอาจจะพื้นที่ใกล้แนวรถไฟฟ้า เพื่อที่จะพัฒนาเป็นอาคารสูงอีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยจะใช้กระแสเงินสดที่มีอยู่ 2 พันล้านบาทเป็นงบซื้อที่ดินในปีหน้า
นายวิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการเปิดโครงการ”เอคิว เชดิ” บ้านพร้อมอยู่ รูปแบบใหม่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน-รังสิตในวันนี้นั้น บริษัทได้เปิดโครงการ มูลค่า 360 ล้านบาท โดยเฟสแรกมีจำนวน 11 หลังสามารถขายได้แล้วหมดแล้ว
ด้านนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ AQ กล่าวว่า บริษัทเปิดแผนรุกพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในครึ่งปีหลัง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจ “Blueprinting Your Future” ที่มุ่งสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ออกแบบอย่างสวยงาม ให้สามารถอยู่อาศัยได้ยาวนาน และยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เจ้าของได้ในอนาคต
นายยงยุทธ กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในโซนนี้ยังเติบโตได้ดี คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเส้นทางบางซื่อ-รังสิต และ สิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น สถานีขนส่งหมอชิตแห่งใหม่ , ห้างสรรพสินค้า Central, Mega Rangsit และ Future City พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ความเจริญบนถนนพหลโยธิน-รังสิต ขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว หากโครงการรถฟ้าสายสีแดงและสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งใหม่ในอนาคตแล้วเสร็จ คาดว่าจะทำให้ราคาที่ดินในบริเวณใกล้เคียงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันที่ดินติดถนนใหญ่พหลโยธินราคาพุ่งสูงขึ้นเร็วมาก และยังมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอีก ทำให้ยากที่จะมีโครงการบ้านหรือที่อยู่อาศัยแนวราบใหม่ๆเกิดขึ้น เนื่องจากต้นทุนราคาที่ดินที่สูงขึ้น
ส่วนความคืบหน้าของการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลฯในคดีกู้เงินธนาคารกรุงไทยจำนวน 1 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้บริษัท โกลเด้น อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (โกลเด้น) อยู่ระหว่างการขายที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่นำไปจำนองกับธนาคาร โดยเชื่อว่ามูลค่าขายจะครอบคลุมกับหนี้ที่ติดกับธนาคาร เพราะที่ดินแปลงข้างๆที่เป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม มีราคาขายที่ 8 ล้านบาท/ไร่