SONIC บวก 3% ลุ้นกำไรปีนี้โตเกือบสองเท่าตัว! รับ “ค่าระวางเรือ – โลจิสติกส์” หนุนแกร่ง
SONIC บวก 3% โบรกฯมองกำไรปีนี้โต 150.60% รับค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง และปริมาณการขนส่งที่โตแกร่งในเอเชียที่เป็นตลาดหลัก แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.50 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (16 ก.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC ณ เวลา 11.19 น. อยู่ที่ระดับ 5.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 3.24% โดยทำจุดสูงสุดที่ 5.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 4.98 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 158.90 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ค. 2564) ว่าได้ปรับประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้น 24.00% เป็น 150.00 ล้านบาท โตก้าวกระโดด 150.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากการปรับเพิ่มรายได้จากธุรกิจการขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea freight) ซึ่งเป็นรายได้หลัก เพิ่มขึ้น 109.60% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,870.2 ล้านบาท จากเดิมคาดเพิ่มขึ้น 70.50% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการขยายตัวของปริมาณการค้าโลกที่แข็งแกร่ง
โดยบริษัทฯมีความสามารถในการจัดหาพื้นที่ตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่ลูกค้า ประกอบกับดัชนีค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ SCFI ที่เดินหน้าทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน (15 ก.ค. 2564) อยู่ที่ 3,932 จุด เทียบกับต้นปีที่ 2,783 จุด เพิ่มขึ้น41.30% นับจากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบันและอาจปรับขึ้นต่อจนถึงปลายปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่แม้จะบรรเทาลงจากในช่วงต้นปีแต่ยังไม่พอกับความต้องการ และเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังรุนแรงในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในเอเชียทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานในบางท่าเรือ
สำหรับประมาณการกำไรปี 2565 -2566 ทางฝ่ายวิจัยคาดว่าจะค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงปี 2564 โดยคาดเติบโตปีละ 2 -3% จากค่าระวางเรือ SCFI ในปีนี้ที่สูงผิดปกติ น่าจะเริ่มชะลอลงหลังสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลายขึ้นทั่วโลก การเติบโตของธุรกิจ Sea freight ในปี 2565 จึงน่าจะโตจากปริมาณการขนส่งเป็นหลัก
อีกทั้งแม้ว่าธุรกิจ Sea freight ซึ่งเป็นรายได้หลัก (สัดส่วนกว่า 70% ของรายได้รวม) และมีอัตรากำไรขั้นต้น 23 – 25% สูงกว่าธุรกิจขนส่งทางบกและทางอากาศ แต่นับตั้งแต่ค่าระวางเรือปรับสูงขึ้นอย่างผิดปกติตั้งแต่ปลายปีก่อนบริษัทฯไม่ได้ผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นให้กับลูกค้าทั้งหมดเพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจต่อไปในระยะยาว ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมชะลอจาก 21.10% ในไตรมาส 3/2563 เหลือ 18.0% ในไตรมาส 1/2564 ซึ่งคาดว่าจะชะลอต่อในไตรมาส 2/2564 ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยตั้งสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น 17.0 – 17.20% ใน 3 ปี ข้างหน้า ลดลงจากปี 2562 – 2563 ที่ 19.50 – 21.00% ซึ่งเชื่อว่าไม่เป็นการปรับลดที่แข็งกร้าว (Aggressive) เกินไป
ด้านผู้บริหารตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อ 200 ล้านบาทในปี 2564 ซึ่งทำได้แล้ว 140 ล้านบาทตั้งแต่กลางปี มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 4.25% การคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอก (Effective rate) ที่ 8.75% (รถเก่า) ถึง 15% (รถใหม่) ในไตรมาส 1/2564 มีรายได้ดอกเบี้ย 0.78 ล้านบาท โดยธุรกิจลิสซิ่งรถบรรทุกของบริษัทฯเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ สนับสนุนธุรกิจเดิมและมี Downside ต่ำ เพราะเน้นปล่อยสินเชื่อให้พันธมิตรการค้า (สนับสนุนสินเชื่อให้ Subcontractor ที่วิ่งงานให้บริษัทอยู่แล้ว) ไม่ปล่อยสินเชื่อให้บุคคลทั่วไป ไม่มีหนี้เสีย และไม่ได้แข่งกับ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI (รถบรรทุกใหม่) หรือ บริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MICRO (รถบรรทุกเก่า) หากธุรกิจเติบโตดีในอนาคตจะเพิ่มโอกาสในการ Spin Off เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
อย่างไรก็ตามทางฝ่ายวิจัยได้ปรับราคาเป้าหมายปี 2564 ขึ้นเป็น 6.50 บาท ( ค่า PE 25.0 เท่า PEG 0.7) หาก ตั้งสมมติฐานให้ SONIC-W1 ซึ่งมีอายุ 2 ปี ใช้สิทธิ์ครั้งละเท่าๆกัน ราคาเป้าหมายปีนี้จะอ่อนตัวลง (dilute) เป็น 5.70 บาท ยังมี Upside กว่า 10% จากราคาปัจจุบัน จึงยังแนะนำ “ซื้อ”