ดาวโจนส์ปิดบวกรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิด (30 ก.ย.) ที่ 16,049.13 จุด เพิ่มขึ้น 47.24 จุด หรือ +0.30%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,517.32 จุด ลดลง 26.65 จุด หรือ -0.59% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,884.09 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด หรือ +0.12%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย Conference Board เปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังแตะระดับ 101.3 ในเดือนส.ค. และดัชนีประเมินภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีในเดือนก.ย.
ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าระดับ 4.5% ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 10 เมืองเพิ่มขึ้น 4.5% และดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองเพิ่มขึ้น 5.0%
อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดถูกสกัดลง ซึ่งส่งผลให้ดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานล่าสุดของ IMF ที่ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวลงในช่วงปี 2558-2560 อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง
รายงานของ IMF ยังระบุด้วยว่า ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพลังงานอื่นๆจะได้รับผลกระทบมากถึง 2 เท่า ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำ เมื่อพิจารณาจากอุปทานจำนวนมากและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงไปถึง 11% ในช่วง 7 วันทำการที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการแสดงความเห็นของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครทที่ระบุว่า บริษัทเวชภัณฑ์มีการกำหนดราคาที่สูงเกินไป พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะปรับลดต้นทุนราคายา หากเธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ทั้งนี้ หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นเมดโทรนิค ปรับขึ้น 2.5% และหุ้นบริสทอล-ไมเยอร์ส สวิบบ์ พุ่งขึ้น 2.52%
หุ้นยาฮู พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากบริษัทประกาศเดินหน้าแยกธุรกิจมูลค่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์ออกจากอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิงส์ ในปีนี้ ขณะที่หุ้นแอปเปิลร่วงลง 3% ซึ่งได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย โดยหุ้น PayPal ดิ่งลง 5% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.จาก ADP ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ ส่วนวันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย. สำหรับวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.