MEGA พุ่ง 4% ลุ้นกำไร Q2 แตะ 342 ลบ. รับเทรนด์สุขภาพหนุน ดันทั้งปีทะลุพันล้าน
MEGA วิ่ง 4% โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 49 บ. มองกำไรไตรมาส 2 แตะ 342 ลบ. รับเทรนด์สุขภาพหนุนจากฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น คาดกำไรปีนี้พุ่ง 1.55 พันลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (20 ก.ค. 2564) ราคาหุ้น บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA ณ เวลา 15.48 น. อยู่ที่ระดับ 39.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.95% โดยทำจุดสูงสุดที่ 40.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 37.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 253.03 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ก.ค. 2564) ว่าทางฝ่ายวิจัยได้ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ที่ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน ซึ่งกำไรได้ขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ Mega We Care (MWC) เพิ่มขึ้น 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเติบโตในทุกภูมิภาค (Region) (Southeast Asia, Africa & others) และ Maxxcare (MC) เพิ่มขึ้น 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ (2) อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 38.4% ขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนจาก GPM ของ MWC ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยด้านกำไรที่ขยายตัวจากไตรมาสก่อนจาก GPM ที่ขยายตัว
ทั้งนี้กำไรครึ่งแรกของปี 2564 มีสัดส่วนที่ 43% ของประมาณการ โดยทางฝ่ายวิจัยคาดกำไรครึ่งหลังปี 2564 จะเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนและจากงวดเดียวกันของครึ่งปีหลัง 2563 จากการบริโภค (Consumption) ที่ฟื้นตัว โดยทางฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 1,552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน บนสมมติฐาน 1) รายได้ MWC ขยายตัว 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ใน Southeast Asia และ Africa เติบโตต่อเนื่อง (2) รายได้ MC ขยายตัวต่อเนื่อง 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากฐานลูกค้า (Principal) ที่เพิ่มขึ้นและ (3) GPM ปรับตัวลงเล็กน้อย จากสัดส่วนรายได้ของ MC ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามยังคงราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 49.00 บาท อิงค่า PER 27.70 เท่า โดยทางฝ่ายวิจัยมองว่าจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปสนใจกระแสสุขภาพ (Health Conscious) มากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ MEGA ได้ประโยชน์ในระยะยาว