WINMED พุ่ง 8% จับตากำไร Q2 โตเท่าตัว โบรกเชียร์ “ซื้อ” เป้า 7.80 บ.
WINMED พุ่ง 8% โบรกฯคาดกำไรไตรมาส 2 โตเท่าตัว แตะ 11 ลบ. ชี้ผลงานครึ่งปีหลังเติบโตตามเทรนด์สุขภาพ เชียร์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.80 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (22 ก.ค. 2564) ราคาหุ้น บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED ณ เวลา 15.29 น. อยู่ที่ระดับ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือ 8.03% โดยทำจุดสูงสุดที่ 7.65 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 6.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 396.24 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (14 ก.ค.2564) โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ที่ 11.00 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 4.7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 175.1% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยกำไรที่ก้าวกระโดดจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากกำไรปีก่อนต่ำเพราะถูกกระทบจากการ Lockdown อย่างไรก็ตามกำไรค่อนข้างทรงตัวใกล้เคียงไตรมาส 1/2564 เนื่องจากบริษัทยังคงถูกกระทบจากการระบาดรอบ 3 ของ COVID-19 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันซึ่งรุนแรงทำให้ผู้บริจาคโลหิตหลีกเลี่ยงการบริจาคออกไป คนทั่วไปเลี่ยงการไปโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้ทำให้ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรี (ผลิตภัณฑ์สำหรับตรวจหามะเร็งปากมดลูก) ที่จำหน่ายให้แก่โรงพยาบาลลดลง ขณะเดียวกันโรงพยาบาลทั่วประเทศเลื่อนผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนออกไปเช่นกัน แม้ว่าธุรกิจรับตรวจเชื้อ COVID-19 ของ ProLab จะได้รับอานิสงส์ในช่วงนี้แต่ WINMED ถือหุ้นเพียง 12.55% จึงแทบไม่มีนัยยะต่อผล ประกอบการโดยรวม
อย่างไรก็ตามหากกำไรไตรมาส 2/2564 เป็นไปตามคาดกำไรงวดครึ่งหลังปี 2564 จะอยู่ที่ 21.60 ล้านบาท โตก้าว กระโดด 59.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากฐานต่ำปีก่อน และคิดเป็นเพียง 32% ของกำไรทั้งปีที่ทางฝ่ายวิจัยคาด 68.10 ล้านบาท ซึ่งเป็นธรรมชาติของบริษัทที่กำไรในครึ่งปีแรกมีสัดส่วน 20 – 30% ของทั้งปี จึงยังคงประมาณการเดิมโดยหวังว่าสถานการณ์ COVID-19 จะดีขึ้น
สำหรับทิศทางการเติบโตในระยะยาวยังสดใสตาม Mega Trend ของอุตสาหกรรมและการเพิ่มสินค้านวัตกรรมใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเทคโนโลยี เซลล์บำบัด (Cell Therapy) ทั้งเครื่องคัดแยก Stem cell และอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับเครื่อง, Perifit (เครื่องบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน), HPV Self-collect (ชุดเก็บเซลล์ จากช่องคลอดด้วยตนเองเพื่อส่งตรวจหาเชื้อไวรัส HPV) เป็นต้น ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าสู่ B2C
นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 7.80 บาท อิงค่า PE Multiple 27 เท่า Discount ราว 17% จากผู้ประกอบการในต่างประเทศ เพราะผลประกอบการในปีหน้าสะท้อนศักยภาพของบริษัทได้เต็มที่กว่าปีปัจจุบันที่ถูกกระทบจาก COVID-19 ระลอกแล้วระลอกเล่าทำให้บางผลิตภัณฑ์ทำการตลาดได้ไม่เต็มที่ ทั้งนี้ยังคงแนะนำ “ซื้อ”