BH มั่นใจรายได้ปีนี้โตระดับ 10-15% ศึกษาการตั้งศูนย์วินิจฉัยโรคใน 5 ประเทศ
BH มั่นใจรายได้ปีนี้โตระดับ 10-15% จากปีก่อน เตรียมตั้งศูนย์วินิจฉัยโรคใน 5 ประเทศ หลังเปิดศูนย์วินิจฉัยโรคที่พม่า ซึ่งจะให้บริการได้ปลายปีนี้-ต้นปี 59 คงแผนการลงทุนต่อเนื่องราว 1.1 หมื่นลบ. ในช่วง 3-5 ปีนี้ เพื่อขยายโรงพยาบาลแห่งที่ 2
นพ.นำ ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมศึกษาการลงทุนตั้งศูนย์วินิจฉัยโรคในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะใน 5 ประเทศที่เป็นลูกค้าหลักของโรงพยาบาล อาทิ กัมพูชา, ลาว, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ หลังจากบริษัทได้ลงทุนเปิดศูนย์วินิจฉัยโรคในเมียนมาร์ ที่จะให้บริการได้ในช่วงปลายปีนี้ ถึงต้นปี 59
“เราจะมีการพิจารณาเปิดศูนย์วินิจฉัยโรคเพิ่มเติม ใน 5 ประเทศ ที่เป็นลูกค้าหลักของเรา เพื่อที่จะให้มีความสะดวกสะบายในการวินิจฉัยโรคก่อนว่าป่วยจริง โดยหากป่วยจริงทางโรงพยบาลจะนำตัวส่งมารักษาในประเทศไทยอีกต่อไป เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทางไป-กลับเพื่อตรวจวินิจฉัยโรค”นพ.นำ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงแผนการลงทุนต่อเนื่องอีกราว 1.1 หมื่นล้านบาทในช่วง 3-5 ปีนี้ เพื่อขยายโรงพยาบาลแห่งที่ 2 บนถนนเพชรบุรี ที่มีที่ดินอยู่ราว 5 ไร่ ซึ่งสามารถเพิ่มเตียงให้กับโรงพยาบาลได้อีก 220 เตียง จากปัจจุบันมีอยู่ 520 เตียง และขยายโรงพยาบาลบริเวณท้ายซอยสุขุมวิท 1 ที่มีที่ดินอยู่ 4 ไร่ใกล้กับโรงพยาบาลเดิม โดยบริษัทเตรียมที่จะพัฒนาเป็นอาคารจอดรถสำหรับผู้ป่วยที่เข้ามารักษา และเพิ่มพื้นที่สำหรับการรักษาผู้ป่วยนอก จากปัจจุบันบริษัทสามารถรักษาผู้ป่วยนอกได้ 3,500-4,000 รายต่อวัน
“ปัจจุบันพื้นที่ที่เรามีอยู่ค่อนข้างที่จะเต็มแล้ว โดยเราเตรียมที่จะขยายพื้นที่เพิ่ม โดยการย้ายออฟฟิศที่อยู่ซอยสุขุมวิท 1 ในปัจจุบันไปอยู่ที่ถนนเพชรบุรี เพื่อที่จะขยายการรับผู้ป่วยนอกให้มากขึ้น และในส่วนของที่ดินเพชรบุรี บริษัทจะขยายเตียงอีก 220 เตียง โดยแผนการลงทุนดังก่าวจะใช้เวลาราว 3-5 ปี สำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทางบริษัทไม่ได้มีความกังวลเรื่องของการดึงตัวบุคลากร ไม่ว่าจะเป็นหมอ หรือ พยาบาล เพราะว่าหมอและพยาบาลส่วนใหญ่อยากอยู่กับเรามากกว่า”นพ.นำ กล่าว
ขณะที่บริษัทยังคงมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตระดับ 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 1.6 หมื่นล้านบาท แม้ว่าประเทศไทยจะเผชิญปัญหาเชื้อไวรัสเมอร์ส และเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ แต่ปัจจัยดังกล่าวเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ปัจจุบันผู้ป่วยทั้งในประเทศและต่างประเทศยังเดินทางมารักษาที่ BH อย่างต่อเนื่อง สำหรับ 5 โรคหลักที่ผู้ป่วยจะเดินทางมารักษา คือ ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจ ท่อเทียม มะเร็ง และศูนย์สูติ-นรีเวช (สุขภาพสตรี) ส่งผลให้บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานจะเป็นไตตามเป้าหมายที่วางไว้
“ผู้ป่วยที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลมาจากในประเทศ 48% และต่างประเทศ 52% ซึ่งในช่วงสถานการณ์พบผู้ป่วยเชื้อไวรัสเมอร์ส คนแรกในโรงพยาบาลเรา และเหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ เป็นผลกระทบระยะสั้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และในช่วงระยะเวลาปกติก็ไม่ได้เห็นผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการชะลอตัวลงแต่อย่างใด เราจึงยังมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามแผนเดิม”นพ.นำ กล่าว