TRUBB พุ่ง 4% โบรกชี้ไตรมาส 2 พลิกกำไร 155 ลบ. อานิสงส์ “น้ำยางข้น-ถุงมือยาง” หนุน
TRUBB พุ่ง 4% แตะ 3.08 บาท โบรกคาดไตรมาส 2 พลิกกำไร 155 ลบ. หลังขยายกำลังการผลิต “น้ำยางข้น-เส้นดายยาง” รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจถุงมือยาง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ก.ค. 64) ราคาหุ้นบริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB ณ เวลา 11.44 น. อยู่ที่ระดับ 3.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท หรือ 4.05% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.14 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 2.96 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อ 93.85 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 3.08 บาท ด้านฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ มีการคาดการณ์ TRUBB ว่ากำไรปกติช่วงไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 155 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/2563 ที่ขาดทุน 66 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 26%จากไตรมาสก่อนหน้า โดยฝ่ายประมาณการกำไรสุทธิปี 2564/2565 เพิ่มขึ้น 1,994% และ เพิ่มขึ้น 11% อยู่ที่ 506 ล้านบาท 563 ล้านบาท ตามลำดับ จากรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตใหม่ในธุรกิจน้ำยางข้นและธุรกิจเส้นด้ายยางยืด รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจถุงมือยาง
ขณะเดียวกันกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นเป็น 13.2% และ 12.0% จากปี 2563 ที่ 9.3% จากแนวโน้มราคายางที่ดี และ product mix ส่วนรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากธุรกิจยางพาราน้อยลง และSG&A/Sales ลดลงมาอยู่ที่ 7.2% จาก 9.8% ของปี 2563 จากการปรับลดต้นทุน
นอกจากนี้โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้น และดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเพิ่มขึ้น 14% และเพิ่มขึ้น 12% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 ที่ออกมาดีมาก ซึ่งคาดว่าหุ้น TRUBB มีโอกาสที่จะเติบโตต่อเนื่องจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะออกมาเติบโตโดดเด่นในช่วงไตรมาส 2/2564 และทั้งปี 2564 กอปรกับบริษัทได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า และได้รับผลกระทบจำกัดจากการระบาดของ Covid-19 ในประเทศ เมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น
อย่างไรก็ตามยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท อิง 2564 PER 8.0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรที่ PER7.0 เท่า และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยบริษัทที่ทำธุรกิจยางพารา คาดว่าแนวโน้มการเทิร์นอะราวด์ของผลการดำเนินงานจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และแผนขยายกำลังการผลิต โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินจากการเพิ่มทุนซึ่งจะเข้ามาในช่วงกันยายน 2564 ไปขยายธุรกิจน้ำยางข้น และถุงมือยาง รวมถึงบริษัทมีแผนจะนำบริษัทลูก คือ “เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX)” เข้าตลาดหุุ้น โดยมีกำหนดการยื่น Filing ในช่วงไตรมาส 3/2564 และในช่วงไตรมาส 1/2564 บริษัทได้ลดการถือหุ้นในบริษัท เลเท็กซ์ ซิสเทมส์ จำกัด (มหาชน)ลงเหลือ 18% จาก 56% ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเบาะและที่นอนจากยางพารา ซึ่งจะช่วยให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนเข้ามาน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ