PAP ขาขึ้นรอบใหม่! บวก 5% รับอุตสาหกรรมเหล็กมิ.ย.พุ่ง-จับตางบ Q2 โตต่อ

PAP ขาขึ้นรอบใหม่! บวก 5% โดย ณ เวลา 15.35 น. อยู่ที่ระดับ 5.25 บาท บวก 0.27 บาท รับอุตสาหกรรมเหล็กมิ.ย.พุ่ง-จับตางบ Q2 โตต่อ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นวันนี้(30ก.ค.64) บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จำกัด (มหาชน)  หรือ PAP ณ เวลา 15.35 น. อยู่ที่ระดับ 5.25 บาท บวก 0.27 บาท หรือ 5.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 32.40 ล้านบาท

โดยวันนี้นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน มิ.ย.64 อยู่ที่ระดับ 97.73 ขยายตัว 17.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19

ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ จากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในหลายประเทศ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการผลิตและการบริโภค ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถังและอากาศยาน) ขยายตัวสูงถึง 45.23%

ด้านการผลิตรถยนต์ยังคงขยายตัวสูงจากฐานต่ำปีที่แล้วที่มีการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรกช่วงต้นปี 63 ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกปี 64 (ม.ค.-มิ.ย.) ดัชนี MPI ขยายตัวเฉลี่ย 9.41% และคาดว่าดัชนี MPI ทั้งปีจะขยายตัว 4-5% ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) เดือน มิ.ย.64 อยู่ที่ 63.92% และช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 65.32%

ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีแรกปี 64 ขยายตัวเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตของอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์มีการผลิตเพิ่มขึ้น 39.87% โดยเป็นการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นในรถทุกประเภทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ยางล้อขยายตัวตามไปด้วย

อุตสาหกรรมเหล็กขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ส่งผลให้การผลิตเพิ่มขึ้น 23.80% การผลิตชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ มีการผลิตเพิ่มขึ้น 15.65% ตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากการเรียนและการทำงานออนไลน์ และอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางที่เติบโตตามความต้องการใช้งานทางการแพทย์สูงขึ้นจากการระบาดของโควิด-19

อีกทั้งในเดือน มิ.ย.64 อุตสาหกรรมเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเริ่มกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 178.89% สะท้อนให้เห็นภาพของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศการเร่งกระจายการฉีดวัคซีน และแผนการเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้การคาดการณ์ MPI ในเดือนถัดไปจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นที่ต้องติดตามและให้ความสำคัญ อาทิเช่น การระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มคลัสเตอร์โรงงานอุตสาหกรรม ปัญหาการขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งปัญหาต้นทุนค่าระวางการขนส่งสินค้าทางเรือตู้ คอนเทนเนอร์สูงขึ้นที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตในอนาคต

สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่มีดัชนีผลผลิตที่ส่งผลบวกขยายตัวในเดือน มิ.ย.64 ได้แก่

ยานยนต์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 90.06% จากการผลิตเกือบทุกรายการสินค้า ประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เวียดนาม ญี่ปุ่น เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีขึ้น ทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้น 82.14% ส่วนตลาดในประเทศยังขยายตัวได้แม้จะมีการระบาดระลอก 3

ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 32.32% ตามความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ขยายตัว และความต้องการสินค้าเพื่อการทำงานแบบ work from home มากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มของการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในหลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น

เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.93% จากเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กรูปพรรณรีดร้อน และเหล็กเส้นข้ออ้อย เป็นหลัก ตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนการเร่งก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของรัฐในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

เครื่องประดับเพชรพลอยและโลหะมีค่า เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 178.89% เนื่องจากปีก่อนเป็นช่วงเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ยอดการผลิตและจำหน่ายยังอยู่ในระดับต่ำ ต่างจากปีนี้ที่การผลิตเป็นไปตามปกติ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ทำให้การจำหน่ายเติบโตได้มากขึ้น

ยางรถยนต์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 78.19% จากยางนอกรถยนต์นั่ง ยางนอกรถบรรทุกรถโดยสาร และยางนอกรถกระบะ ขยายตัวได้ตามยอดการผลิตรถยนต์ที่เติบโตได้ดีขึ้น รวมถึงมีการลดราคาและทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งในปีก่อนได้รับผลจากการแพร่ระบาดและมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ความต้องการสินค้าหดตัว

โดยก่อหน้า บริษัท แปซิฟิกไพพ์ จํากัด (มหาชน) หรือ PAP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ประจำปี 2564 โดยรวมยังเป็นที่น่าพอใจ บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการขายและบริการ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 533.72 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27.14  เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 1,966.28 ล้านบาท

ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 259.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215.34 ล้านบาท หรือร้อยละ 486.47 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 44.27 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ทำให้ราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีแผนบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ลุ้นผลงานไตรมาส 2/2564 โตต่อเนื่อง

 

Back to top button