“บาทอ่อน” รอบกว่า 2 ปี แตะ 33.22 บ. กังวลโควิดฉุดเศรษฐกิจอ่วม
"บาทอ่อน" รอบกว่า 2 ปี แตะ 33.22 บ. กังวลโควิดฉุดเศรษฐกิจอ่วม! ประเมินกรอบเงินบาทพรุ่งนี้ที่ 33.15 - 33.30 บ./ดอลลาร์
บริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้(5ส.ค.64) อยู่ที่ 33.22 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 33.14 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้เงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 2 ปี 9 เดือน จากแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางวัน รวมทั้งคาดการณ์คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศยังมีแนวโน้มแย่ลง ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.07-33.22 บาท/ดอลลาร์
“วันนี้บาทอ่อนค่ามากที่สุดในภูมิภาค โดยปิดตลาดทำนิวไฮในรอบ 2 ปี 9 เดือน ส่วนภูมิภาควันนี้ค่อนข้างผสม มีบางสกุลเงินอ่อนค่า และบางสกุลเงินแข็งค่า” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้(7ส.ค.64) ไว้ที่ 33.15 – 33.30 บาท/ดอลลาร์
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ คืนนี้มีการประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และคืนพรุ่งนี้ต้องติดตาม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค.ของสหรัฐฯ
ด้านประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการล็อกดาวน์นั้น ประเมินว่าในระยะ 2 เดือน (ก.ค.-ส.ค.) จะกระทบต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 5 แสนล้านบาท ส่งผลให้เศรษฐกิจย่อตัวลงอีกราว 2-3% จากที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวเหลือ -2 ถึง 0% ได้
การประมาณการดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมติฐานว่ารัฐบาลจะสามารถผ่อนคลายมาตรการลงได้ในเดือนก.ย. รวมทั้งหากรัฐบาลเร่งอัดฉีดเม็ดเงินผ่านมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชน ภาคเกษตรกร และภาคธุรกิจ เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็อาจจะไม่ติดลบมาก และยังพอมีโอกาสที่จะเป็นบวกได้เล็กน้อย แต่หากมาตรการล็อกดาวน์ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้ และจำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ไปต่อเนื่อง ก็อาจจะได้เห็นเศรษฐกิจไทยปีนี้หดตัว -2 ถึง -4% ได้เช่นกัน
ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) เดือน ก.ค.64 ปรับตัวลดลงมาที่ 40.9 จากระดับ 43.1 ในเดือนมิ.ย.64 โดยดัชนีฯ อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 10 เดือน และยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5