“ศบค.” เล็งขยายล็อกดาวน์! หวั่นยอดติดเชื้อเดือนก.ย.ทะลุ 6-7 หมื่นราย

“ศบค.” เล็งขยายล็อกดาวน์! หวั่นยอดติดเชื้อเดือนก.ย.ทะลุ 6-7 หมื่นราย เสียชีวิตแตะ 800 คน


วันนี้(13 ส.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงการควบคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ว่า กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึงวันที่ 7 ก.ย.64 โดยเชื่อว่าหากไม่มีการล็อกดาวน์จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงถึง 6-7 หมื่นราย รวมไปถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตก็จะเพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน

ขณะที่ตัวเลขปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า 2 หมื่นราย ถือเป็นระดับใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้กรณีที่มีมาตรการล็อกดาวน์และมีประสิทธิภาพราว 20% และตัวเลขก็ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก แต่หากสามารถเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการล็อกดาวน์ให้มีประสิทธิภาพราว 25% และเร่งฉีดวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงให้เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องก็จะช่วยกดตัวเลขเหล่านี้ลงมาได้

ส่วนการคาดการณ์ผู้เสียชีวิตหากไม่มีการล็อกดาวน์ จะพบว่ามีผู้เสียชีวิตสูงถึง 800 คน ในช่วงต้นเดือนก.ย. หากล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพ 20% พบผู้เสียชีวิต 500 คนในช่วงต้นเดือนก.ย. แต่หากล็อกดาวน์มีประสิทธิภาพ 25% นาน 2 เดือน และเร่งการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุภายใน 1-2 เดือนนี้ อาจทำให้ลดอัตราผู้เสียชีวิตเหลือต่ำกว่า 100 รายต่อวัน

ทั้งนี้ ในบางจังหวัดในหลายพื้นที่ยังไม่ให้ความร่วมมือกัน ยังคงมีการนั่งดื่มสังสรรค์ซึ่งอาจเป็นภาพที่เกิดขึ้นรายวัน แต่ต้องขอความร่วมมือทุกคนร่วมมือกันทั้งประเทศ

“หากล็อกดาวน์ได้ 25% และทำได้มีประสิทธิภาพนาน 2 เดือน ร่วมกับการเร่งฉีดวัคซีน…ถ้าร่วมมือกันมากกว่านี้ จะกดตัวเลขลงมาได้”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ส่วนข้อเสนอของสมาคมศูนย์การค้าไทย ที่ขอให้ภาครัฐทบทวนมาตรการขอผ่อนปรนให้ 3 ธุรกิจหลักที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชาชน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจสื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถเปิดให้บริการในศูนย์การค้าได้นั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) และกระทรวงสาธารณสุข รับรู้ปัญหาความเดือดร้อนของภาคส่วนต่าง ๆ แม้จะมีมาตรการป้องกันควบคุมโรคเข้มที่สุดแต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งในวันจันทร์ที่ 16 ส.ค.จะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ และเมื่อข้อสรุปออกมาจะมีการรายงานให้ทราบต่อไป

Back to top button