ราคาทองคำปิดพุ่งเกือบ 23 ดอลล์ หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐต่ำกว่าคาด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกันมา 5 วันทำการ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ที่ออกมาน่าผิดหวังนั้นได้กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงโลหะมีค่าอย่าง ทอง


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 22.9 ดอลลาร์ หรือ 2.06% ปิด (2 ต.ค.) ที่ระดับ 1,136.6 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งสัปดาห์ ราคาทองลดลง 0.8%, สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 75.2 เซนต์ หรือ 5.18% ปิดที่ 15.263 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ดีดขึ้น 4.3 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 909.5 ดอลลาร์/ออนซ์

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงาน คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.1% นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.และส.ค. โดยปรับลดลง 59,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้

ข้อมูลจ้างงานที่ย่ำแย่ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่น่าจะรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งตัวเลขที่อ่อนแอและกระแสคาดการณ์ดังกล่าวได้กดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ เพราะการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้โลหะมีค่าที่กำหนดราคาซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาน่าดึงดูดใจมากขึ้น

โดยปกติแล้ว ทองและดอลลาร์จะเคลื่อนตัวในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งหมายความว่าหากดอลลาร์ปรับตัวลง สัญญาทองก็จะปรับตัวขึ้น เนื่องจากทอง ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ จะมีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ ขณะเดียวกัน ตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอได้ก่อให้เกิดความกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกกำลังฉุดรั้งการขยายตัวของสหรัฐ ซึ่งผลักดันให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำ

Back to top button