AMANAH พุ่งแรง 7% รับงบ Q2 เด่น โบรกฯมองกำไรปีนี้แตะ 352 ลบ. สินเชื่อขยายตัวหนุน

AMANAH พุ่งแรง 7% รับกำไร Q2 ดีตามคาด โบรกฯมองกำไรปีนี้แตะ 352 ลบ. หนุนโดยสินเชื่อที่กลับมาขยายตัว Double Digit ที่ 16-17% อีกทั้ง Loan Yield จะเพิ่มเป็น 18.30% รวมถึง Credit Cost ที่อยู่ในระดับต่ำ แนะ “ซื้อ” เป้า 6.60 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (18 ส.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ AMANAH ณ เวลา 12.00 น. อยู่ที่ระดับ 4.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ 7.33% โดยทำจุดสูงสุดที่ 5.05 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 4.68 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97.98 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ส.ค.2564) โดย AMANAH ได้รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ที่ 81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน ซึ่งใกล้เคียงกับที่ทางฝ่ายวิจัยคาด หนุนโดย (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยาย 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน จาก Loan Yield ที่เพิ่มขึ้นเป็น 18.10% (ไตรมาส 2/2563 = 17.60%, ไตรมาส 1/2564 = 17.70%) ตามสัดส่วนลูกหนี้ที่ให้ความช่วยเหลือลดลงจากไตรมาส 2/2563 ที่อยู่สูงถึง 83% ของสินเชื่อรวม และต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเป็น 3.80% (ไตรมาส 2/2563 = 4.10%) จากการใช้วงเงินกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) จาก GSB

อีกทั้ง (2) รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 51% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน จากรายได้การติดตามหนี้ของลูกหนี้ที่มีคำพิพากษาเพิ่มขึ้นซึ่งช่วยชดเชย นอกจากนี้ (3) ค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้นเป็น 16 ล้านบาท (ไตรมาส2/2563 = 4 ล้านบาท) จากการสิ้นสุดระยะเวลาช่วยเหลือลูกหนี้ และ (4) NPL กลับมาดีขึ้นจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 3.60% (ไตรมาส 1/2564 = 4.10%) ตามการติดตามสินเชื่ออย่างใกล้ชิดและรวดเร็วในการติดตามหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้และการติดตามรถคืน ในขณะที่สินเชื่อยังทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และต่อเนื่องปี 2565 ที่ 412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดย (1) สินเชื่อที่กลับมาขยายตัว Double Digit ที่ปีละ 16 – 17% จากยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่จะทำสถิติสูงสุดที่ 1.60 พันล้านบาท ตามนโยบายการขยาย LTV และจำนวน AMANAH Express ที่เพิ่มขึ้น (2) loan yield จะเพิ่มเป็น 18.30% จากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และ (3) Credit Cost จะอยู่ในระดับที่ต่ำที่ 325 bps/ 330 bps จากระดับสำรองฯส่วนเกินที่สูงในปี 2563 ทำให้ บริษัทมีความจำเป็นในการตั้งสำรองฯเพิ่มน้อยลง ถึงแม้ว่า (4) NPL จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.50%

สำหรับราคาเป้าหมาย 6.60 บาท อิงปี 2564 ค่า PBV ที่ 3.90 เท่า โดยทางฝ่ายวิจัยประเมินว่า AMANAH ควรที่จะเทรด Premium มากขึ้นจากอดีต จากผลการดำเนินงานในระยะยาวจะขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ปี 2563 – 2565 EPS CAGR +19 หนุนโดยแนวโน้มสินเชื่อที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงจากยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น การเพิ่ม LTV รวมทั้งแหล่งเงินทุนที่จะสูงขึ้น โดยทางฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทมีโอกาสที่จะระดมทุนผ่านตราสารหนี้อิสลามเป็นครั้งแรกในช่วง 1 – 2 ปี จากปัจจุบันที่อยู่ระหว่างการขอและจัดทำ Credit Rating

 

 

Back to top button