HANA พุ่ง 6% โบรกฯชี้กำไรปีนี้ทะลุ 2 พันลบ. กำลังผลิตเพิ่ม-กระทบโควิดจำกัด
HANA พุ่ง 6% โบรกฯมองกำไรปีนี้แตะ 2.19 พันลบ. ชี้บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานอยุธยาในช่วงเดือน ก.ค. และได้รับผลกระทบโควิดที่จำกัดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (19 ส.ค.2564) ราคาหุ้นบริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ณ เวลา 11.11 น. อยู่ที่ระดับ 80.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท หรือ 5.94% โดยทำจุดสูงสุดที่ 80.75บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 76.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.40 พันล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ส.ค.2564) โดย HANA รายงานกำไรสุทธิที่ 737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 145% จากไตรมาสก่อน ซึ่งสูงกว่าConsensus ทำไว้ที่ 526 ล้านบาท ขณะที่ Core Profit อยู่ที่ 770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 87% จากไตรมาสก่อน ซึ่งสูงกว่า Consensus ทำไว้ที่ 497 ล้านบาท โดยจากรายได้สกุลเงินบาทอยู่ที่ 6,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อน
ขณะที่รายได้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ที่ 194 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 13%จากไตรมาสก่อนโดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากธุรกิจ PCB อยู่ที่ 111 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน, ธุรกิจ IC อยู่ที่ 76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันของปีก่น และเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน, ธุรกิจ HTI อยู่ที่ 8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน
รวมทั้ง Gross Margin ออกมาสูงมากที่ 16.80% (ไตรมาส 2/2563 ที่ 15.30%, ไตรมาส 1/2564 ที่ 11.90%) เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ขณะที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากอานิสงส์เงินบาทอ่อน
ทั้งนี้คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 จะได้รับผลกระทบจาก Chip Shortage ในอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบเล็กน้อย อย่างไรก็ตามบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ของกำลังการผลิตรวมจากการขยายโรงงานที่อยุธยา ซึ่งจะสามารถ Run ได้ในเดือน ก.ค.2564ทำให้มองว่าประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ของทางฝ่ายวิจัยที่ 2,190 ล้านบาทจะสามารถทำได้โดยกกำไรสุทธิช่วงครึ่งปีแรก 2564 คิดเป็น 47% ของประมาณการปี 2564
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยคงประมาณกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 2,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2565 อยู่ที่ 2,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปี สาเหตุจาก (1) บริษัทเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานอยุธยาในช่วงเดือนก.ค.2564 ซึ่งคิดเป็น 10% ที่เพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตรวม (2) ทางฝ่ายวิจัยคงคาดการณ์ Gross Margin ที่ 13.20% ของปี 2564/2565โดยมองว่าประมาณการปี 2564 มี Upside จาก Gross Margin ที่มากกว่าคาด แต่อย่างไรก็ตามมองว่า Gross Margin ปี 2565 น่าจะกลับมาสู่ระดับปกติจากคาดการณ์ค่าเงินบาทจะเริ่มแข็งค่าในช่วงไตรมาส 4/2564เป็นต้นไปจากการฟื้นตัวของ Covid-19 ภายในประเทศ
นอกจากนี้ราคาหุ้น Outperform SET +39%/+36% ในช่วง 3และ 6 เดือน จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีตามอุตสาหกรรมโลก และบริษัทได้รับผลกระทบจำกัดจากการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยได้คงราคาเป้าหมายที่ 76.00 บาท แนะ “ถือ” อิงปี 2565 ค่า PER ที่ 25 เท่า โดยอดีตราคาหุ้นเคยเทรดสูงสุดที่ค่า PER 21 เท่าแต่มองว่าปัจจุบันราคาหุ้นควรเทรดที่ Premium กว่าในช่วงอดีตจากการเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูงมากขึ้น โดยราคาเป้าหมายทางฝ่ายวิจัยอิงกำไรสุทธิปี 2565 มี Upside Risk จาก Gross Margin ที่ดีกว่าคาดจากค่าเงินบาทอ่อนค่า และ Product Mix ที่เปลี่ยนแปลงจากสินค้า Silicon Carbide (SIC) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Power Management โดยเฉพาะในธุรกิจ EV Car