TASCO ร่วง 3% หลังสื่อนอกตีข่าวเอี่ยว “ฟอกเงิน” เวเนซูเอลา

TASCO ลบ 3% แตะ 18.30 บาท หลัง “สำนักข่าวเอพี” ตีข่าวว่ามีเอี่ยว “ฟอกเงิน” เวเนซูเอลา พัวพันธุรกรรมอำพรางผู้ค้ายุทธภัณฑ์มะกัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ณ เวลา 10.03 น. อยู่ที่ระดับ 18.30 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 2.66% สูงสุดที่ระดับ 18.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 207.56 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น TASCO ปรับตัวลดลงวันนี้ หลังมีการรายงานข่าวอ้างอิง “สำนักข่าวเอพี” ระบุว่า เมื่อวันอังคาร (17 ส.ค. 64) ตามเวลาในสหรัฐ TASCO ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสัญชาติไทย มีชื่อปรากฏอยู่ในเอกสารคำฟ้องคดีอาญาต่อศาลรัฐบาลกลางในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา โดยกรณีนี้มีการกล่าวหา นายฮอร์เฮ โนเบรกา นักธุรกิจชาวอเมริกัน เจ้าของบริษัท Achabal Technologies ที่ดำเนินกิจการค้าขายโฟมหรือสารเคลือบถังน้ำมันชนิดหนึ่งให้กับรัฐบาลเวเนซูเอลา เพื่อใช้สำหรับฝูงบินรบของกองทัพ

ทั้งนี้ เอกสารคำฟ้องดังกล่าวอ้างว่า บริษัท Achabal Technologies ของนายโนเบรกา ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ส.ค. ภายในสนามบินนานาชาติไมอามี ได้รับเงินค่าจ้างจาก TASCO ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าแก่ของ PDVSA บริษัทค้าน้ำมันของรัฐบาลเวเนซูเอลา

โดยรายงานข่าวเชิงสืบสวนของ “สำนักข่าวเอพี” ที่มีการเผยแพร่ออกมา ระบุว่า รัฐบาลเวเนซุเอลาพึ่งพา TASCO ในการช่วยลดผลกระทบของมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกรุงวอชิงตัน (U.S. Sanctions) โดย TASCO ทำหน้าที่เป็นผู้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการที่ PDVSA ค้างชำระแก่ผู้ขายในต่างประเทศแทน

ก่อนจะหักเงินที่ชำระแทนนั้นออกจากค่าน้ำมันดิบที่บริษัทสั่งซื้อจาก PDVSA ซึ่งการทำธุรกรรมในส่วนนี้ TASCO เหมือนจะได้รับส่วนลดค่าน้ำมันดิบ ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตยางมะตอยเป็นจำนวนมหาศาล แต่แท้จริงแล้ว ส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากส่วนลดนั้น TASCO ยังมีหน้าที่ต้องนำไปชำระให้กับคู่ค้าของ PDVSA ต่ออีกถอดหนึ่ง

อย่างไรก็ดีในเอกสารคำฟ้องคดีอาญาของนายโนเบรกา ที่ถูกยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางนครไมอามี ไม่ได้ระบุชื่อ TASCO ว่าเป็นจำเลยในคดีนี้ แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ระบุว่า TASCO เป็น “บุคคลที่ 3 ในคดีฟอกเงิน” และระบุว่าเอกสารคำฟ้องบ่งชี้ว่า บุคคลที่ 3 นี้ ได้ “ทำการร่วมมือกับ” PDVSA เพื่อทำหน้าที่เคลื่อนย้ายเงินจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แทนรัฐบาลสังคมนิยมเวเนซุเอลา

ทั้งนี้ มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่อรัฐบาลของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซูเอลา มีผลให้การทำธุรกิจใดๆ ระหว่างบริษัทสัญชาติอเมริกันและ PDVSA เป็นเรื่องผิดกฎหมายทันที ซึ่งส่งผลถึงผู้ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือในการทำธุรกรรมดังกล่าวด้วย นอกเสียจากได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

นอกจากนี้ การส่งออกอุปกรณ์หรือบริการทางทหารไปยังเวเนซูเอลา จะต้องได้รับการอนุญาตจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯเสียก่อน ซึ่ง Achabal Technologies ของนายโนเบรกานั้น ไม่ได้รับการอนุญาตแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน “สำนักข่าวเอพี” อ้างถึงเอกสารต่างๆที่ได้รับมาจากอดีตที่ปรึกษาทางธุรกิจของ PDVSA แสดงให้เห็นว่า Achabal Technologies ได้รับเงินค่าจ้างและสินค้าจาก TASCO ทั้งสิ้น 3 งวด เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2562 ถึงเดือนมีนาคม ปี 2563 และมีบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ไม่เกี่ยวข้องกับนายโนเบรกาอีก 2 แห่ง ที่ได้รับการจ่ายเงินในลักษณะเดียวกันนี้ คิดเป็นมูลค่ารวมอีก 4.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า TASCO รับรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่ Achabal ดำเนินการกับทางการเวเนซุเอลา แม้ว่าบริษัทจะทำหน้าที่เป็นคนกลางด้านการเงิน ซึ่งทำให้ Achabal สามารถหลบเลี่ยงเงื่อนไขของมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อเวเนซุเอลา

ขณะที่เมื่อปีที่ผ่านมา นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ TASCO เคยส่งอีเมลเพื่อตอบคำถามของ “สำนักข่าวเอพี” โดยระบุว่า การชำระเงินต่างๆให้กับบุคคลที่ 3 ตามคำร้องของ PDVSA นั้น ล้วนแล้วแต่ “เกี่ยวข้องกับ” การซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลาทั้งสิ้น

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า นายฌอง ปิแอร์ ปาสตอร์ ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นพี่ชายหรือน้องชายของ นายจ๊าคส์ มาร์เซล ปาสตอร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการของ TASCO เป็นผู้ทำหน้าที่ตัวแทนให้กับบริษัทในประเทศเวเนซุเอลา เคยส่งอีเมลให้กับ PDVSA ระบุเกี่ยวกับการที่ PDVSA ร้องขอให้ TASCO เป็นผู้จ่ายเงินแก่คู่ค้าแทนหลายต่อหลายครั้งว่า

“ทิปโก้เป็นลูกค้าของ PDVSA ไม่ใช่แบงก์ชาติเวเนซุเอลา ทิปโก้พยายามให้ความช่วยเหลือคุณอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ และหวังว่าคุณจะไม่ลืมมัน” แปลจากข้อความระบุถึงเนื้อหาในอีเมลของนายฌอง

Back to top button