MEGA บวก 4 วันติด 17.61% โบรกฯปรับกำไรปีนี้แตะ 1.68 พันลบ. แนะ “ซื้อ” เป้า 53 บ.
MEGA บวกอีก 4% รวม 4 วันติด 17.61% รับโบรกฯปรับกำไรปีนี้แตะ 1.68 พันลบ. หลังไตรมาส 2/64 โชว์กำไร 504 ลบ. หนุนจากรายได้ เมก้า วีแคร์ และ Maxxcare ขยายตัว แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 53 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (19 ส.ค.2564) ราคาหุ้นบริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA ปิดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 46.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 3.89% โดยทำจุดสูงสุดที่ 47.25 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 45.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 589.97 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (17 ส.ค.2564) โดย MEGA รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ที่ 504 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสก่อนซึ่งสูงกว่า Consensus ทำไว้ที่ 333 ล้านบาท กำไรขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยในส่วนของรายได้รวมขยายตัว 37% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ Mega We Care (MWC) เพิ่มขึ้น 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เติบโตในทุก Region (Southeast Asia, Africa & others) และ Maxxcare (MC) เพิ่มขึ้น 39% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 41.90% ขยายตัวจกงวดเดียวกันของปีก่อนจากอัตรากำไรขั้นต้นของ MWC ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านกำไรที่ขยายตัวจากไตรมาสก่อนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ขยายตัว
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณกำไรสุทธิปี 2564 – 2565 ขึ้น 8% เพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ที่ดีกว่าคาดมาก และโมเมนตัมของรายได้ที่ดีต่อเนื่องจาก COVID-19 New Normal ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป Health Conscious มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ MEGA ได้ประโยชน์ในระยะยาว โดยทางฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นอีก ทางฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 1,681 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากงวดเดียวกันของปีก่อนบนสมมติฐานจากรายได้ MWC ขยายตัว 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ใน Southeast Asia และ Africa เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงรายได้ MC ขยายตัวต่อเนื่อง 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากฐานลูกค้า (Principal) ที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับปี 2565 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจาก (1) รายได้รวมที่เติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ MWC ขยายตัว 10% จากงวดเดียววันของปีก่อน, รายได้ Maxxcare เติบโตต่อเนื่อง 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ GPM ทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 53.00 บาท อิงค่า PER ที่ 27.70 เท่า (เดิม 49.00 บาท อิงค่า PER ที่ 27.70 เท่า) ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมรายได้จากผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงในประมาณการแนะนำ “ซื้อ”