อวดโฉม 50 หุ้น SET โกยกำไรไตรมาส 2 โตสนั่นเกิน 200%

อวดโฉม 50 หุ้น SET โกยกำไรไตรมาส 2 โตสนั่นเกิน 200% สวนพิษโควิด! นำทีมเด่น WORK,IVL,CSP,ACG  และ TGPRO


ผ่านช่วงประกาศงบการเงินไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น “ทีมข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลบริษัทที่มีกำไรเติบโตโดดเด่นไตรมาส 2/2564 โดยเน้นบริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโตเกิน 200% โดยครั้งนี้คัดเลือกมา 50 อันดับแรกของกลุ่ม และจะนำเสนอข้อมูลประกอบ 5 อันดับแรกของตารางดังนี้

SET Q2-64

โดยอันดับ 1 คือ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 154.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,505.23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2.03 ล้านบาท  

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์(13ส.ค.64) WORK (Upgrade TP from 29.25 to 30.25) มีมุมมอง Positive ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ของ WORK ที่ 154 ลบ. สูงกว่าคาด +37% จากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าคาด และกำไรไตรมาส 2/2564 เติบโตสูง 7,225% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 31% เทียบไตรมาสก่อนหน้า จาก (1) การรับมือวิกฤติ COVID-19 ได้ดีขึ้น (2) รายการใหม่ได้รับความนิยม และ (3) บริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

โดยคาดกำไรสุทธิปี 2564 เติบโต 167% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและปี 2565 เติบโตต่อเนื่อง 29% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนราคาหุ้น WORK ปัจจุบันซื้อขายที่ Forward PE22F เพียง 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและกลุ่มอยู่ที่ 24 เท่า และ 25 เท่า

 

อันดับ 2 บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 8,339.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,332.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 153.51 ล้านบาท      

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ส.ค. 2564) โดย IVL ได้รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ที่แข็งแกร่งที่ 8.30 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นกำไรสูงที่สุดในรอบ 11 ไตรมาส เพิ่มขึ้น 5,333% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 39% จากไตรมาสก่อน โดยถ้าดูผลประกอบการตามธุรกิจจะเห็นว่า (1) ธุรกิจ Combined PET มี Core EBITDA ที่ USD319mn เพิ่มขึ้น 42% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน โดยหลักๆเป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นของธุรกิจ Integrated PET และ Specialty chemicals (2) ธุรกิจ IOD มี Core EBITDA ที่ USD99mn เพิ่มขึ้น 243% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 183% จากไตรมาสก่อน

โดยสะท้อนการดำเนินงานที่ดีขึ้นของหน่วยปลายน้ำ เช่น Integrated Surfactants และ Integrated EG  (3) ธุรกิจ Fibers มี Core EBITDA ที่ USD65mn เพิ่มขึ้น 77% จากงวดเดียวกันของปีก่อนแต่ลดลง 10% จากไตรมาสก่อน ซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากปริมาณยอดขายที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Lifestyle และ Mobility และ (4) บริษัทฯมีการรับรู้กำไรจากสต๊อกที่ 1.80 พันล้านบาทในไตรมาสนี้ เทียบกับขาดทุน 3.30 พันล้านบาทในไตรมาส 2/2563 และกำไร 4.30 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2564

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าปริมาณการผลิตรวมของ IVL จะปรับตัวดีขึ้นในในครึ่งปีหลัง 2564 หลักๆ จาก (1) อุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ Integrated PET ซึ่งน่าจะสูงขึ้นหลังมีการใช้วัคซีน COVID-19 แล้ว และ (2) การกลับมาดำเนินงานของ IVOL ซึ่งจะช่วยหนุนปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ในธุรกิจ IOD

ทั้งนี้ IVL มีอัตรา Net Debt/Equity ที่แข็งแกร่งที่ 1.27 เท่าในไตรมาส 2/2564 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่านโยบายของบริษัทฯที่ 1.50 เท่า และต่ำกว่าเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ (debt covenant) ที่ 2.00 เท่าจากแนวโน้มธุรกิจที่ยังสดใสในครึ่งปีหลัง 2564 ยังคงมุมมองว่า IVL สามารถเลือกได้ว่าจะทำการเพิ่มทุนหรือไม่ ถ้าบริษัทฯตัดสินใจที่จะเข้าซื้อ Oxiteno ที่มูลค่า USD1.0bn – USD1.5bn

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2564 ขึ้น 45% และปี 2565 ขึ้น 33% โดยได้ปรับปริมาณการผลิตรวมของบริษัทฯ ขึ้นเป็น 14.90 – 15.50 ล้านตัน (mt) ในปี 2564 – 2565 จากเดิม 14.60 – 14.90 mt ซึ่งหลักๆเพื่อสะท้อนอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ Integrated PET และ IOD ที่สูงขึ้นหลังมีการใช้วัคซีน COVID-19 แล้ว ทั้งนี้ทาฝ่ายวิจัยได้ปรับ EBITDA/ton รวมของบริษัทฯขึ้นอยู่ในช่วง USD102/ton – USD105/ton จากเดิม USD98/ton

ขณะเดียวกันทางฝ่ายวิจัยได้ราคาเป้าหมายปี 2564 ใหม่ที่ 60.00 บาท (เดิม 55.00 บาท) อิงปี 2564 EV/EBITDA ที่ 9.40 เท่า (เทียบเท่า -0.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง) ทั้งนี้เชื่อว่า IVL จะได้รับประโยชน์จากอุปสงค์การใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ดีขึ้นหลังจากมีการแจกจ่ายวัคซีน COVID-19 แล้ว อีกทั้งบริษัทฯจะได้ประโยชน์จากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นของธุรกิจ IOD หลังจาก IVOL สามารถกลับมาดำเนินงานได้แล้ว

นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่า IVL มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้บริษัทฯไม่ต้องเพิ่มทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการ Oxiteno อย่างไรก็ดีเชื่อว่าประเด็นนี้อาจจะเป็น Overhang ระยะสั้นสำหรับราคาหุ้น IVL จนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของการจัดสรรโครงสร้างเงินทุนสำหรับดีลนี้

 

อันดับ 3 บริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 88.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,098.97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1.69 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้รวมไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 579.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 74.89 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.85 สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากการขายจำนวน 579.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกนัของปีก่อน จำนวน 78.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.70 สาเหตุมาจากราคาขายสินค้าถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 61.69 เนื่องด้วยราคาตลาดของเหล็กปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามบริษัทยังประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2564 เป็นเงินสด 0.10 บาทต่อหุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 ส.ค. 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 10 ก.ย. 2564

 

อันดับ 4 บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ACG รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 7.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,395.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 0.21 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการ ไตรมาส 2/2564 มีมูลค่า  401.54 ล้Œานบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 41.19 ล้Œานบาท หรือร้อยละ 11.43 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2563

โดย ACG ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding company) ที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายและให้บริการในอุตสาหกรรมรถยนต์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ปัจจุบัน บริษัทมีการลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่ง ดังนี้ 1.บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด (ฮอนด้ามะลิวัลย์) เป็นบริษัทผู้จำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า 2. บริษัท ออโตคลิกบายเอซีจี จำกัด (ออโตคลิก) ประกอบธุรกิจจำหน่ายอะไหล่รถยนต์และให้บริการซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อประเภท

 

อันดับ 5  บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGPRO รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 34.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,215.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1.04 ล้านบาท

เนื่องจากบริษัทมีรายไดจ้ากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 50.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.22 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายและไตรมาสนี้บริษัทได้งานโครงการที่เป็นท่ออุตสาหกรรมแลกเปลี่ยนความร้อนซึ่งมีอัตรากำไรรที่สูงกว่า ท่อประเภทอื่นฯ

สำหรับ TGPRO บริษัทดำเนินธุรกิจโดยการผลิตและจำหน่ายท่อสเตนเลส ภายใต้เครื่องหมายการค้า TGPRO เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตทั่วไป เช่น อุตสาหกรรมน้ำตาล อาหาร ยาและเคมีภัณฑ์ โดยจะใช้ในส่วนของหม้อต้มน้ำ (BOILER), เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (HEAT EXCHANGER) และเครื่องระเหย (EVAPORATOR) และใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนของการตบแต่งอาคารและเฟอร์นิเจอร์

Back to top button