U พุ่งชนซิลลิ่ง! รับดีลใหญ่ “เจมาร์ท” ต่อยอดธุรกิจ หนุนกำไรโตแกร่ง
U พุ่งชนซิลลิ่ง! รับดีลใหญ่ “เจมาร์ท” ควบ SINGER โดยมองว่ากลุ่มธุรกิจของ JMART เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต และจะช่วยเสริมสร้างให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น ผนวกซื้อ A LIFE สู่ธุรกิจใหม่ประกันชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (1 ก.ย.2564) ราคาหุ้นบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U เวลา 11.08 น. อยู่ที่ระดับ 1.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.32 บาท หรือเพิ่มขึ้น 29.09% โดยทำจุดสูงสุดที่ 1.43 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 1.12 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.15 พันล้านบาท
ทั้งนี้ด้วยราคาหุ้น U ที่ปรับขึ้นไปมากนั้นเนื่องมาจาก ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเข้าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จำนวน 136,119,587 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,129,459,910.82 บาท ซึ่งส่งผลให้ บริษัทฯ ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 9.90 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART
รวมทั้งการได้มาซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 6 ที่จัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนที่จองซื้อและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) (“ใบสำคัญแสดงสิทธิ JMART-W6”) จำนวน 16,723,002 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย (ราคาเสนอขายหน่วยละ 0.00 บาท)
โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ1 หุ้นสามัญของ JMART ในราคาใช้สิทธิ 30.3370 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากบริษัทฯ ได้มีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิครบจำนวน จะคิดเป็นมูลค่าการลงทุนเท่ากับ 507,325,711.67 บาท ทั้งนี้ เมื่อนับจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ JMART ที่บริษัทฯจะได้รับจัดสรรในครั้งนี้
ประกอบกับหุ้นสามัญจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ JMART-W6 ครบทั้งจำนวน จะทำให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนเท่ากับร้อย 2 ละ 9.90 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART (ในกรณีที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ JMART ที่ JMART ได้มีการออกอยู่แล้ว ณ ปัจจุบันใช้สิทธิซื้อหุ้นครบทั้งจำนวน)
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังบริษัทอนุมัติการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER จำนวนไม่เกิน 197,108,696 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 36.3005 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 7,155,144,219.15 บาท ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน SINGER ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 24.90 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ SINGER และการได้มาซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ซิงเกอร์ประ เทศไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 3 ที่จัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนที่จองซื้อและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) (“ใบสำคัญแสดงสิทธิ SINGER-W3”) จำนวน 11,557,681 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย (ราคาเสนอขายหน่วยละ 0.00 บาท)
โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญของ SINGER ในราคาใช้สิทธิ 36.3005 บาทต่อหุ้น ซึ่งหากบริษัทฯ ได้มีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิครบจำนวน จะคิดเป็นมูลค่าการลงทุนเท่ากับ 419,549,599.14 บาท
ทั้งนี้ เมื่อนับจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SINGER ที่บริษัทฯจะได้รับจัดสรรในครั้งนี้ ประกอบกับหุ้นสามัญจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ SINGER-W3 ครบทั้งจำนวน จะทำให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน SINGER ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 24.90 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ SINGER (ในกรณีที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SINGER ที่ SINGER ได้มีการออกอยู่แล้ว ณ ปัจจุบันใช้ สิทธิซื้อหุ้นครบทั้งจำนวน)
สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการทำธุรกรรมครั้งนี้ มาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยระหว่าง 2% – 5% รวมถึงกระแสเงินสดภายในของบริษัทฯ
ส่วนประโยชน์ที่คาดจะได้รับในครั้งนี้ เนื่องจาก U มองว่ากลุ่มธุรกิจของ JMART และ SINGER เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต และจะช่วยเสริมสร้างให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ทาง U มีมติอนุมัติเข้าลงทุนใน บมจ.แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต (A LIFE) โดยบริษัท ยู โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (UGH) จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเดิมของ A LIFE จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ (1) บริษัท เอเชี่ยน เวนเจอร์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด (2) บริษัท อิมพีเรียล เวนเจอร์ แคป จำกัด (3) ฮองเกา ลิมิเต็ด (Hong Gao Limited) (4) ควอลอตี้ ซินเนอร์จี ลิมิเต็ด (Quality Synergy Limited) (5) บริษัท กิตติวนาวู๊ดเทค จ กัด และ (6) นางลัดดา มงคลเพ็ชร์ รวมจำนวน 148,035,897 หุ้น หรือคิดเป็น 75% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ A LIFE ในราคาซื้อขายรวม 1,500,000,000 บาท
โดย UGH จะซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ A LIFE จากบริษัท เอเชี่ยน เวนเจอร์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด จำนวน 100,000 หุ้น ในราคาเท่ากับมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิหน่วยละ 1,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 100,000,000 บาท บวกกับ ดอกเบี้ยค้างรับ ณ วันที่ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ คิดเป็นมูลค่ารวมสิ่งตอบแทนจำนวนรวมไม่เกิน 102,654,109.59 บาท
อีกทั้ง UGH จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ A LIFE ตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม (Rights Offering) จำนวน 61,964,103 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 619,641,030 บาท (โดยสัดส่วนการถือหุ้นของ UGH และตัวแทนของ UGH ภายหลังวันที่ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ คิดเป็น 75% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วของ A LIFE)
พร้อมกันนั้นที่ประชุมคณะกรรมการยังอนุมัติการขายหุ้นในบริษัท แอ๊บโซลูท โฮเต็ล เซอร์วิส จำกัด (AHS) (ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัทฯ ที่รับบริหารกิจการโรงแรม) จำนวน 1,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดใน AHS และบริษัท Absolute Hotel Services Hong Kong Limited (AHSHK) (ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัทที่รับบริหารกิจการโรงแรม) จำนวน 680,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.81% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมดใน AHSHK ให้แก่ HRG Munchen Holdings GmbH (HRG) ในราคาขายรวม 6,000,000 ยูโร หรือประมาณ 233,580,000 บาท) คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 31 ต.ค.64
และ บริษัทฯ, Vienna House Capital GmbH (VHC) และ Lombard Estate Holdings Limited (LEH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงนามในข้อกำหนดและเงื่อนไขในเบื้องต้นที่ยังไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย สำหรับการซื้อขายกลุ่มโรงแรมเวียนนา เฮ้าส์ (Heads of Terms) กับ HRG Minchen Holdings GmbH , HRG Sechste Hotel Management GmbH และ HRG Potsdam Holdings GmbH
สำหรับการขาย 1. หุ้นสามัญใน Vienna International Asset GmbH (VIA) ในส่วนบริษัทฯ ถืออยู่ในสัดส่วน 89.8% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 2. หุ้นสามัญใน Vienna House Hotelmanagement GmbH (VHHM) ในส่วนที่ VHC ถืออยู่ในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และ 3. หุ้นสามัญใน Vienna House Real Estate GmbH (VHRE)ในส่วนที่ LEH ถืออยู่ในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และภาระหนี้เงินกู้ยืมทั้งหมด (Shareholder Loan) ในราคาขายเบื้องต้นรวมจำนวนประมาณ 136,490,000 ยูโร หรือประมาณ 5,366,786,800 บาท