EP พุ่งแรง 6% เก็งข่าวซุ่มเจรจาขายโรงไฟฟ้า ลุ้นผลงานปีนี้โตแกร่ง หลัง COD เพิ่ม
EP พุ่งแรง 6% ราคาแตะ 6.15 บ. ด้วยมูลค่าซื้อขาย 42.32 ลบ. คาดนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรจากข่าวซุ่มเจรจาขายโรงไฟฟ้า คาดสรุปดีล Q4 เผยมีผู้สนใจแล้ว 3 ราย หนึ่งในนั้คือ “ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี” ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ UV กับ BGRIM ลุ้นผลงานปีนี้โตแกร่ง หลัง COD เพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ล่าสุด ณ เวลา 15.08 น. อยู่ที่ 6.15 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 6.03% สูงสุดที่ 6.20 บาท ต่ำสุดที่ 5.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 42.32 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร EP เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาขายโรงไฟฟ้า หากมีข้อเสนอที่ดี ให้ราคาที่ดี และบริษัทมีโครงการที่ดีกว่าที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งขณะนี้มีมาเสนอซื้อโรงไฟฟ้าประมาณ 3 ราย รวมบริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จำกัด หรือ UVBGP (บริษัทย่อยของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ถือหุ้น 55% และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ถือหุ้น 45% ใน UVBGP) คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายในไตรมาส 4/2564
ทั้งนี้ บริษัทจะรอให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ (MW) เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ก่อน ถึงจะมีความชัดเจนในการพิจารณาขายโรงไฟฟ้าในไตรมาส 4/2564
ส่วนการศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์นั้น ด้วยมาตรการล็อกดาวน์ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ทำให้ไม่สามารถที่จะเดินทางได้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การเจรจาเป็นไปอย่างลำบาก จึงเป็นเหตุบังคับให้ต้องมีการชะลอการศึกษาโครงการดังกล่าวออกไปก่อน
สำหรับบริษัทมีการขยายธุรกิจ ทั้งการขายโครงการที่มีผู้มาเสนอผลตอบแทนที่ดี เพื่อไปลงทุนในโครงการที่คาดว่าจะมีผลตอบแทนที่ดีกว่า หรือจะมีการลงทุนซื้อหุ้นในโครงการเดิม ทั้งนี้การลงทุนสามารถทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องขายหรือซื้ออย่างเดียวเท่านั้น
ขณะที่ แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 คาดว่าจะมีการเติบโตจากปีก่อน โดยธุรกิจไฟฟ้ามีแผนจะ COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ ก็จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 520 เมกะวัตต์ รวมถึงได้มีการซื้อหุ้นบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก ระบบพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) เพิ่ม 40% ส่วนธุรกิจสิ่งพิมพ์ คาดบรรจุภัณฑ์โต 70-80% เนื่องจากการสั่งซื้อของออนไลน์มีการเติบโตมากในช่วงสถานการณ์โควิด-19
ส่วนแหล่งเงินทุนของบริษัท จะมาจากเงินทุนหมุนเวียน หุ้นกู้ รวมถึงสถาบันการเงิน มั่นใจมีเงินทุนเพียงพอ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการเพิ่มทุน ทั้งนี้บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ ในเบื้องต้นน่าจะมีนักลงทุนสนใจจองซื้อหมดแล้ว เนื่องด้วยอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารอยู่ในระดับที่ต่ำ รวมถึงนโยบายที่ปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือแค่ 1 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากวงการพลังงาน เปิดเผยว่า EP มีแผนจะขายโรงไฟฟ้าที่บริษัท อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (E-COGEN) เป็นบริษัทย่อยของ EP ถือหุ้นอยู่ในบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) สัดส่วน 80.96% ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ระบบพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) มีกำลังการผลิตรวมสูงสุดประมาณ 240 เมกะวัตต์ (มี 2 หน่วยการผลิตกำลังการผลิตหน่วยละ 120 เมกะวัตต์) ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ในมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ E-COGEN มีการซื้อหุ้นสามัญของ SSUT จากบริษัท คอมลิงค์ จำกัด ในสัดส่วน 15% และบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ EE ในสัดส่วน 25% ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้นโดยตรงและโดยอ้อมผ่าน E-COGEN ใน SSUT เพิ่มเป็น 80.96% จากเดิมที่ถืออยู่ 40.96%