ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ส.ค.นิวโลว์รอบ 16 เดือน รับผลกระทบล็อกดาวน์คุมโควิด

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ส.ค.นิวโลว์รอบ 16 เดือน รับผลกระทบล็อกดาวน์คุมโควิด 29 จังหวัด ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศลดลง


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค.64 อยู่ที่ระดับ 76.8 ปรับตัวลดลงจากระดับ 78.9 ในเดือน ก.ค.64 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ค.63 และเป็นการปรับตัวลดลงในทุกภูมิภาคและทุกขนาดอุตสาหกรรม

โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ คือ การที่ภาครัฐยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็น 29 จังหวัด และบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ตลอดเดือนสิงหาคม ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศลดลง ขณะที่การแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมยังไม่คลี่คลายส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตลดลงและการส่งมอบสินค้าล่าช้าโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออก

“ดัชนีฯ เดือน ส.ค.ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 16 ซึ่งเป็นผลจากการล็อกดาวน์เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังรุนแรงต่อเนื่องจากเดือน ก.ค.ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทุกขนาดทุกภูมิภาค แต่ดัชนีฯ ในอนาคต 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกรายการ” นายสุพันธุ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมยังมีความกังวลเกี่ยวการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานในโรงงานที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ตลอดจนสภาวะเศรษฐกิจในประเทศมีความไม่แน่นอนสูง กำลังซื้อในประเทศที่ยังอ่อนแอ และปัญหาขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการ SMEs ด้านการส่งออกอุปสงค์ในตลาดต่างประเทศชะลอลงจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย ขณะที่ปัญหาอัตราค่าระวางเรือที่ทรงตัวในระดับสูงส่งผลให้ผู้ส่งออกมีต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ ส่งผลกระทบต่อการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ฯ

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด 75.8%, เศรษฐกิจในประเทศ 74.0%, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 54.0% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 42.2% ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน 58.8%, สภาวะเศรษฐกิจโลก 51.3%, และอัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) 38.6% ตามลำดับ

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 90.9 จากระดับ 89.3 ในเดือน ก.ค.64 โดยผู้ประกอบการมองว่าหากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ควบคู่ไปกับการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนครอบคุลมทุกกลุ่ม จะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้ และจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเห็นว่าภาครัฐควรเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงเร่งขยายการส่งออกอย่างต่อเนื่อง

“หลังจากมีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดติดเชื้อลดลงวันละ 2-3 พันราย โดยหวังว่าสถานการณ์จะไม่รุนแรงเพิ่มขึ้นจนต้องมีการล็อกดาวน์อีก ซึ่งหลักจากมีการนำ ATK เข้ามาใช้งานจะช่วยให้การควบคุมการแพร่เชื้อได้ดีขึ้น โดยขอให้ภาครัฐเข้ามาช่วยดูแลค่าใช้จ่าย” นายสุพันธุ์ กล่าว

โดย ส.อ.ท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ได้แก่

1.ขอให้ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้ง Factory Quarantine และ Factory Accommodation Isolation ภายในโรงงาน รวมทั้งช่วยจัดหาและสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจ ATK เพื่อสุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการ ทุกๆ 14 วัน ตามมาตรการ Bubble and Seal

2.ขอให้ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้แก่แรงงาน ม.33 รวมทั้งจัดให้มี Mobile Units ฉีดวัคซีนให้แก่แรงงาน ณ สถานประกอบการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ในสถานประกอบการ เพื่อรักษาศักยภาพในการผลิตและภาคส่งออกของประเทศ

3.ขยายมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยออกไปอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี ให้กับสถาน ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐ รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SMEs

4.ขอให้ภาครัฐเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความปลอดภัยในสินค้าส่งออกของไทย

ส่วนความคืบหน้าการติดต่อขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาโควิด-19 นั้น นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ประกอบกับหลายปัญหาได้รับการแก้ไขไปบ้างแล้ว  เช่น ยารักษา วัคซีน และชุดตรวจหาเชื้อ ที่มีปริมาณไม่เพียงพอ

ซึ่ง กกร.จะมีการประชุมเพื่อหารือกันอีกครั้งเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม ทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย เช่น การใช้มาตรการทางภาษี ซึ่งในสหรัฐจะไม่มีการเก็บภาษีจากผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ล็อกดาวน์, การปล่อยสินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ เป็นต้น

Back to top button