CHO ไม่สน Cash Balance ราคาวิ่งต่อ 5% ลุ้นผลงานฟื้นตัวแกร่ง รับธุรกิจ EV หนุน
CHO ไม่สน Cash Balance ราคาวิ่งต่อ 5% แตะ 1.05 บ. ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54.19 ลบ. ลุ้นผลงานฟื้นตัวแกร่ง รับแผนต่อยอดธุรกิจ EV หนุน จับตาผลประมูลงานใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท คาดเติม Backlog ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ล่าสุด ณ เวลา 11.27 น. อยู่ที่ 1.02 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 5.15% สูงสุดที่ 1.04 บาท ต่ำสุดที่ 0.94 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54.19 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น CHO ปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะประกาศให้ CHO เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 : Cash Balance ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2564 สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ย.2564
ขณะที่ก่อนหน้านี้นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHO เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนธุรกิจใหม่ เพื่อปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจไปให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ที่การเข้ามาของเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น โดยที่จะเป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิมในการพัฒนารถยนต์ที่จะหันมามุ่งเน้นระบบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะมีการใช้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต หลังจากปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนารถบัสไฟฟ้า (EV Bus) และรถแท็กซี่ไฟฟ้า (EV Taxi) ซึ่งได้นำร่องจากการพัฒนา London Taxi จำนวน 1,000 คันมาให้บริการในกรุงเทพฯ และจะเพิ่มอีก 2,500 คันภายใน 2 ปี เพื่อให้บริการมาในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอื่นๆ ต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชงเพื่อเข้าต่อยอดธุรกิจในอนาคต โดยได้มีการร่วมกันศึกษาร่วมกับสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในการมองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนออกมาในช่วงที่เหลือของปีนี้
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 64 ยังคาดว่าทรงตัวหรือใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ในส่วนของโอกาสในการพลิกกลับมามีกำไรนั้นยังไม่สามารถบอกได้ชัด เพราะปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากงานบริการเป็นส่วนใหญ่กว่า 80% และงานโครงการต่างๆ ก็ชะลอออกไป รวมถึงกลุ่มลูกค้าสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้รายได้จากงานโครงการเข้ามาน้อย ยังเป็นแรงกดดันต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีการส่งมอบงานอยู่บ้างในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งจะมีการรับรู้รายได้จากงานที่ส่งมอบเข้ามาราว 376 ล้านบาท จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ทั้งหมด 2 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปต่อเนื่องตั้งแต่ปี 65 อีกทั้งยังมีการประมูลงานใหม่เพิ่มมาอีก ซึ่งล่าสุดได้เข้าประมูลงานใหม่อีก 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท คาดหวังจะได้รับงานทั้งหมดเข้ามาเติม Backlog ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้