TTB ผนึก เอไอเอส หนุนลูกค้า ”เอสเอ็มอี” เติบโตยั่งยืน ด้วยบริการดิจิทัลโซลูชันครบวงจร

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ร่วมกับ เอไอเอส สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านสิทธิประโยชน์ของสององค์กร โดยสำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีของโครงการ AIS BIZ UP  ทางทีเอ็มบีธนชาต เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมและเพียงพอ ตอบโจทย์ทุกความต้องการทางธุรกิจ พร้อมด้วยบริการด้านบัญชีและดิจิทัลแบงก์กิ้งโซลูชันครบวงจร  ในด้านลูกค้าเอสเอ็มอีของทีเอ็มบีธนชาตยังได้สิทธิพิเศษ ทั้งค่าโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ตแพ็กเกจ และบริการเสริมดิจิทัลออนไลน์จากทางเอไอเอส เพื่อต่อยอดความสำเร็จของธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายวิสูจน์ ตั้งอดุลย์รัตน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริหารความสัมพันธ์ธุรกิจ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีทีบี (TTB) กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าธุรกิจเอสเอ็มอี ถือเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบัน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ธุรกิจเอสเอ็มอีหลายแห่งปรับการทำงานในแบบ Work From Home หรือ Work From Anywhere มากขึ้น ส่งผลให้ต้องมีการปรับตัว และมีการนำเครื่องมือดิจิทัลหลากหลายรูปแบบมาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจและสภาพคล่อง เพื่อเพิ่มความสะดวก และสร้างประสิทธิภาพที่มากขึ้น ทีเอ็มบีธนชาตจึงได้ร่วมมือกับเอไอเอส ซึ่งเป็นทั้งลูกค้าธุรกิจหลักและพันธมิตรที่ดีของธนาคารเสมอมา และยังเป็นองค์กรหลักของไทยที่ให้บริการด้านดิจิทัลโซลูชันครบวงจรที่เคียงข้างเอสเอ็มอีไทยมาโดยตลอด เพื่อร่วมกันสนับสนุนเอสเอ็มอี ให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้ในทุกสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ด้านนางพรรณวลัย อินทราพิเชฐ หัวหน้าบริหารการตลาดลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวว่า จากความร่วมมือกันของทีเอ็มบีธนชาตและเอไอเอสในครั้งนี้ ธนาคารได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำดิจิทัลโซลูชันเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

โดยให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของพันธมิตรอย่างเอไอเอส ที่อยู่ภายใต้ โครงการ AIS BIZ UP ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมและเพียงพอ ผ่านสินเชื่อธุรกิจ ทีทีบี ซึ่งมาพร้อมบริการด้านบัญชีอย่างบัญชีธุรกิจ ทีทีบี เอสเอ็มอีวันแบงก์ และระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งอย่าง ทีทีบี บิสสิเนสวัน ที่ครบสำหรับธุรกรรมทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนั้นยังมีบริการช่องทางรับที่หลากหลาย ซึ่งเพิ่มความสะดวกและช่วยลดต้นทุนให้เอสเอ็มอีสามารถดำเนินการค้าในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะแอปพลิเคชันจัดการร้านค้าทีทีบี สมาร์ทช็อป, ระบบบริหารการเรียกเก็บค่าสินค้า ทีทีบี และ บริการรับชำระเงินออนไลน์ ทีทีบี ควิกเพย์

ด้านนายนวชัย เกียรติก่อเกื้อ หัวหน้าส่วนงานการตลาดลูกค้าองค์กรและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส พร้อมสนับสนุน   เอสเอ็มอีไทยให้เดินหน้าต่อไปในภาวะวิกฤตอย่างเต็มที่ แม้ต้องรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ธุรกิจการบริการลูกค้าองค์กรยังคงเติบโตได้ดีโดยเฉพาะบริการ Cloud และ IoT จากความต้องการของภาคธุรกิจ ส่งผลให้อุตสาหกรรมปรับการดำเนินธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างการเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบใหม่ ๆ โดยมีความต้องการใช้บริการโซลูชันต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยเอไอเอส พร้อมสนับสนุนลูกค้าเอสเอ็มอี ที่เป็นนิติบุคคลทุกภาคธุรกิจ โดยมอบสิทธิพิเศษจาก โครงการ AIS BIZ UP ซึ่งเป็นความร่วมมือจากพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีอย่างทีเอ็มบีธนชาต เพื่อตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจ นอกเหนือจากสมาชิก AIS BIZ UP จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านการเงินตามที่ธนาคารนำเสนอแล้วทางเอไอเอสยังมอบสิทธิพิเศษให้กลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ที่เป็นนิติบุคคลของทีเอ็มบีธนชาต ได้เพิ่มประสิทธิภาพ ในการสื่อสารด้านธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ กับแพ็กเกจค่าโทรและอินเทอร์เน็ตรายเดือนราคาพิเศษ และแพ็กเกจเสริมบริการดิจิทัลออนไลน์ และเครื่องมือสื่อสารทาง  การตลาด รวมทั้งลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจในยุค New Normal ด้วยชุดอุปกรณ์สำหรับการทำธุรกิจพร้อมส่วนลดพิเศษ และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ความเร็วสูง โดยสามารถรับสิทธิ์ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564

ขณะที่ทีเอ็มบีธนชาต เชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังร่วมกับเอไอเอสในครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดและมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าเอสเอ็มอีของทั้งสององค์กรให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน โดยลูกค้าเอไอเอสที่อยู่ภายใต้โครงการ AIS BIZ UP และลูกค้าธุรกิจทีทีบี เอสเอ็มอี ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีทีบี โทร. 0 2643 7000 วันจันทร์–เสาร์ เวลา 8.00-20.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดธนาคาร หรือที่อีเมล [email protected]