ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 122.10 จุด จากแรงซื้อหุ้นพลังงาน-เหมืองแร่

ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 122.10 จุด จากแรงซื้อหุ้นพลังงาน-เหมืองแร่


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,912.29 จุด พุ่งขึ้น 122.10 จุด หรือ +0.73% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,995.83 จุด เพิ่มขึ้น 15.91 จุด หรือ +0.80% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,791.15 จุด เพิ่มขึ้น 42.79 จุด หรือ +0.90%

ด้านตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเมื่อวานนี้ดัชนีฮังเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่าทางการจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวลง ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นกว่า 130 จุด หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงนโยบายการเพิ่มฐานเงินที่อัตรา 80 ล้านล้านเยนต่อปี ผ่านทางการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกปรับตัวขึ้น โดย หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 10% หุ้นนิวมอนท์ ไมนิง และหุ้นโมซาอิค ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 3.2% หุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.8%

ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเซลจีน คอร์ป และหุ้นแอมเจน อิงค์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 4.2%

โดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงปรับตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัทข้ามชาติ โดยหุ้นโบอิ้ง และหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นยูไนเต็ด เรนทัลส์ ทะยานขึ้น 3.3%

ส่วนหุ้น Adobe Systems ร่วงลง 5.3% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายในปีงบการเงิน 2559 อันเนื่องมาจากความผันผวนของค่าเงิน

ด้านนักลงทุนจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ รวมถึง อัลโค อิงค์ซึ่งจะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ขณะที่จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, อินเทล คอร์ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า

สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างผลสำรวจของธอมสัน รอยเตอร์ ว่า ผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 มีแนวโน้มลดลง 4% ในไตรมาส 3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ข้อมูลราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนส.ค.

 

Back to top button