CMC พุ่งกระฉูด 11% รับแผนธุรกิจเด่น! มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อ ตุนแบ็กล็อกแน่น 2.1 พันลบ.

CMC พุ่งกระฉูด 11% โดย ณ เวลา 15.59 น. อยู่ที่ระดับ 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท รับแผนธุรกิจเด่น! มั่นใจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง ตุนแบ็กล็อกแน่น 2.1 พันลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (21 ก.ย.2564) ราคาหุ้นบริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) หรือ ICN ณ เวลา 15.59 น. อยู่ที่ระดับ 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.16 บาท หรือ 11.51% โดยทำจุดสูงสุดที่ 1.58 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 1.39 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 148.17 ล้านบาท

โดยนายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMC เปิดเผยว่า ขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่ CMC จะเดินตามแผนกลยุทธ์สร้างการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อย 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล (Hospital Company) และกลุ่มธุรกิจโรงแรม (Hotel Company) เพื่อรองรับต่อการขยายธุรกิจในการแบ่งโครงสร้างการดำเนินธุรกิจให้ชัดเจน เสริมแกร่งสู่ความยั่งยืน

โดยกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล ประกอบด้วย จัดตั้ง 1. บริษัท เทเลด็อค จำกัด (จัดตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564) เพื่อประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน สถานพยาบาล รับรักษาคนไข้และผู้ป่วยเจ็บ รวมทั้งทาการสั่งเข้ามาซึ่งสินค้าเวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกชนิด มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดย CMC ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%

  1. บริษัท ซีเมดิเทค จำกัด (จัดตั้งเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2564) ประกอบกิจการผลิตยารักษาโรค เภสัชภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์ที่ใช้เป็นยารักษาโรค มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมี CMC ถือหุ้นในสัดส่วน 75%, นายวิเขียร แพทยานันท์ ถือหุ้น 10%, นายวรัทภพ แพทยานันท์ ถือหุ้น 10% และนายวุฒิพงษ์ แพทยานันท์ ถือหุ้น 5%

ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงแรมได้จัดตั้งบริษัท ซีทูเอซ จำกัด (จัดตั้งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564) ประกอบกิจการโรงแรม ที่พัก หอพัก สถานที่พักฟื้น และเป็นการ ขยายธุรกิจจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยสู่ธุรกิจการบริการ (Hospitality) โดยมีทุนจดทะเบียนจำนวน 2 ล้านบาท ซึ่ง CMC ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%

สำหรับการก่อตั้งกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล CMC เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจและแนวโน้มปริมาณความต้องการด้านการดูแลรักษาสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเทรนด์ในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในอนาคต ซึ่งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 เทเลด็อคได้มีการซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เอ็น.ดี.เอส. 34 จำกัด จำนวน 78,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 2,200 บาท รวมมูลค่า 171.6 ล้านบาท คิดเป็น 25% จากจำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อการเข้าลงทุนในกิจการโรงพยาบาล ป.แพทย์ 1 และ ป.แพทย์ 2 และมีแผนลงทุนในโรงพยาบาลอีกหลายแห่งในอนาคตอันใกล้

ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงแรม CMC เล็งเห็นโอกาสของการเติบโตของธุรกิจการบริการ Hospitality จะเป็นการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องหลังจากการเปิดประเทศ ซึ่งช่วงไตรมาส 3/2564 ที่ผ่านมา ซีทูเอชได้ผนึกพันธมิตร OAKWOOD Worldwide บริหารเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ ประเดิมโครงการแรก เดอะ คิวเว่ ติวานนท์ (THE CUVÉE Tiwanon) คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ ย่านกรุงเทพ-ติวานนท์ มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท และจ่อเตรียมเปิดตัวโครงการ Hospitality แห่งใหม่บนทำเลศักยภาพย่านกรุงเทพ-ธนบุรี เร็ว ๆ นี้

โดยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกพลิกมีกำไรสุทธิ 78.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,479.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 0.59 ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 698.68 ล้านบาท เติบโต 41.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 492.64 ล้านบาท

โดยมีสาเหตุหลักมาจากมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ในช่วงปลายปี 2563 ได้แก่ โครงการแบงค์คอก ฮอไรซอน ไลท์ @สถานีเพชรเกษม 48 และโครงการ เดอะ คิวเว่ ติวานนท์ ซึ่งมียอดขายรอโอน (Backlog) สะสมเป็นจำนวนมาก มูลค่ากว่า 2,600 ล้านบาท ส่งผลให้มีการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ประกอบกับการปรับรูปแบบการทำงานของบริษัทเป็นแบบ Agile ทำให้พนักงานสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วในสภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากการส่งมอบโครงการ ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมี Backlog รวมมูลค่าประมาณ 2,100.93 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าพร้อมขาย (Inventory) รวมมูลค่าประมาณ 2,832.66 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการ คาซ่า ดีว่า สาธร-วงแหวน เฟส 2 และ 2. โครงการ คาซ่า ดีว่า สาธรวงแหวน เฟส 3 ซึ่งทั้ง 2 โครงการเป็นโครงการประเภททาวน์โฮม

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการ ซีร็อคโค บางนา 36 (CEROCCO Bangna 36) เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 4 อาคาร รวมห้องชุดพักอาศัย 752 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งบริษัทมั่นใจจะได้รับการตอบรับที่ดี ด้วยราคาขาย ฟังก์ชันห้อง และทำเลที่ตั้งของโครงการ จะสามารถตอบโจทย์เรียลดีมานด์โซนบางนาได้แน่นอน

นายแพทย์วิเชียร กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเน้นการตลาดเชิงรุก เจาะลึก เพื่อเข้าถึงกลุ่มเรียลดีมานด์ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการรักษาคุณภาพการบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งล่าสุดบริษัทได้จับมือร่วมกับ ซิปเม็กซ์ ก้าวสู่โลกไร้พรมแดน เพิ่มช่องทางซื้อขายคอนโด-บ้าน ด้วยเหรียญ Cryptocurrency (คริปโทเคอร์เรนซี) โดยมุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจลงทุนในตลาดคริปโทฯ ทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อนำไปสู่ความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและการเติบโตอย่างยั่งยืน

Back to top button