SCB พุ่ง 19% รับขึ้น “โฮลดิ้ง” แตกลูก – จับมือพันธมิตร หวังเป้ามาร์เก็ตแคป 1 ล้านล. ปี 68

SCB พุ่ง 19% รับขึ้น “โฮลดิ้ง” แตกลูก - จับมือพันธมิตร หวังเป้ามาร์เก็ตแคปแตะ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 68


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ณ เวลา 10.01 น. อยู่ที่ระดับ 130.50 บาท บวก 21.00 บาท หรือ 19.18% สูงสุดที่ระดับ 137.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 130.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.72 พันล้านบาท

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ กรณีการจัดตั้ง SCBX เป็นแกนลักษณะเป็น Holding company โดยจะมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นจะมีการเพิ่มทุน 3.4 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการแลกหุ้นกับ SCB ในสัดส่วน 1:1 แล้วให้ SCBX ทำการซื้อขายใน ตลท. แทน หลังจากนั้นจะมีการถอดถอนหุ้น SCB ออกจาก ตลท.

โดยจะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติในวันที่ 15 พ.ย. 64 และจะทำการ share swap ประมาณเดือน ม.ค. 65 และถอดถอน SCB ออกจาก ตลท. ประมาณเดือน ก.พ. 65

ทั้งนี้ หากการ share swap ผ่านไปได้ด้วยดี (ต้องได้การตอบรับจากผู้ถือหุ้นเกิน 90%) SCB ในฐานะที่จะกลายเป็นบริษัทลูกของ SCBX จะจ่ายปันผลพิเศษจำนวน 7 หมื่นล้านบาทขึ้นไปให้กับ SCBX โดย 70% ของเงินจำนวนนี้จะนำไปใช้ในการโอนธุรกิจบัตรเครดิตจาก SCB ไปให้กับ SCBX และจัดตั้งบริษัทใหม่คือ Card X มาดำเนินธุรกิจนี้แทน

ส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้กับ SCBX และเผื่อไว้เพื่อจ่ายปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้น SCBX ในอนาคต อย่างไรก็ตามการจ่ายปันผลนี้จะเป็นการจ่ายจากผลประกอบการของ SCBX ตามปกติ และต้องผ่านการอนุมัติจาก ธปท. ก่อน ไม่ใช่การจ่ายปันผลพิเศษแต่อย่างใด

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างของ SCB และ SCBX กลายเป็นบริษัทแกนหลักแล้ว บริษัทลูกของ SCBX จะถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1. กลุ่มธุรกิจธนาคาร SCB จะอยู่ในกลุ่มนี้และทำธุรกิจธนาคาร asset management, wealth management รวมไปถึง digital banking ด้วย 2. กลุ่มธุรกิจ consumer finance และ digital financial service ซึ่งจะประกอบไปด้วยบริษัทอย่าง Card X, Auto x (ทำธุรกิจจำนำทะเบียน) ALPHA X (ธุรกิจลีสซิ่ง) และบล.ไทยพาณิชย์ 3. กลุ่มธุรกิจ digital platforms และ technology services ประกอบไปด้วยหลายบริษัท เช่น SCB 10X, SCB ABACUS และ AISCB ที่เป็นการร่วมทุนกับ ADVANC เป็นต้น

โดยการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะทำให้การบริหารบริษัทในเครือของ SCBX ทำได้คล่องตัวขึ้น และเน้นการขยายตัวของบริษัทลูก โดยหากบริษัทลูกเติบโตถึงจุดหนึ่งก็มีแผนที่จะเอาเข้าจดทะเบียนใน ตลท. ต่อไป

อย่างไรก็ตาม มองว่าการปรับโครงสร้างนี้มีประโยชกับกลุ่มที่จะขยายโอกาสในการเติบโต อย่างไรก็ตาม กว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นจะอยู่ในปี 65 และยังไม่น่าจะทำให้ผลประกอบการนั้นเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงยังคงประมาณการกำไรปี 64 – 65 ของ SCB ไว้เหมือนเดิม ที่ 37 และ 44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.3% จากปีก่อน และ 18% จากปี 64 ตามลำดับ และยังคงราคาพื้นฐาน 121 บาท

Back to top button