VPO บวกแรง 7% รับราคาปาล์มพุ่ง! จับตางบ Q3 โตต่อ-ลุ้นทั้งปีพลิกกำไร    

VPO บวกแรง 7% โดย ณ เวลา 15.05 น. อยู่ที่ระดับ 2.12 บาท บวก 0.14 บาท รับราคาปาล์มพุ่ง! จับตางบ Q3 โตต่อ-ลุ้นทั้งปีพลิกกำไร    


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(29 ก.ย.64) ราคาบริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO ณ เวลา 15.05 น. อยู่ที่ระดับ 2.12 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 7.07ด้วยมูลค่าซื้อขาย 88.33 ล้านบาท

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 67.14 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 5.75 ล้านบาท และ 6 เดือนแรก 2564 มีกำไร 32.88 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 61.22 ล้านบาท ลุ้นผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง

โดยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้รวม 545.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 91.51 จากไตรมาส 2/2563 ที่มีจำนวน 284.90 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของน้ำมันปาล์มดิบ และเมล็ดในปาล์มเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.37 และ 96.98 ตามลำดับ และปริมาณการขายของน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.46

โดยทิศทางราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่ปรับตัวขึ้น หลังผลผลิตปาล์มในช่วงปลายปี 63 ที่ออกมาค่อนข้างน้อยต่อเนื่องมายังต้นปีนี้ทำให้ CPO Stock ลดลง ส่งผลให้ราคา CPO ดีดตัวขึ้นไปสูงถึง 40 บาทต่อกิโลกรัม แต่ปัจจุบันก็เริ่มปรับตัวลงมาเล็กน้อยที่ระดับ 36-37 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากปัจจุบันปริมาณผลปาล์มได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือมาอยู่ที่ 16.4 ล้านตัน เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 15 ล้านตัน ทำให้คาดการณ์ว่าปีนี้ปริมาณผลปาล์มจะปรับตัวขึ้นมาหรือใกล้เคียงกับปี 62 ที่อยู่ที่ 16.7 ล้านตัน ส่งผลทำให้ราคาผลปาล์ม (FFB) ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนภาพรวมการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในประเทศไทย จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การบริโภค และการใช้ในภาคอุตสาหกรรม โดยยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่อยู่ในอัตราที่ไม่สูงนัก, การส่งออก และการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตเป็นน้ำมันไบดีเซล B10 หลังจากภาครัฐมีการบริหารจัดการไบโอดีเซลเพื่อจัดการสต็อกในประเทศ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับการบริโภคและภาคอุตสาหกรรม

ส่วนส่งออกโดยเฉลี่ยไทยมีการส่งออกอยู่ที่ 3 แสนตัน ซึ่งครึ่งปีแรกของปีนี้ส่งออกไปแล้วถึง 2.32 แสนตัน เนื่องจากราคาในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเมื่อดูราคาเฉลี่ย ราคา CPO บ้านเราจะสูงกว่าประเทศมาเลเซีย ทำให้คาดว่าการส่งออกในปีนี้จะปรับตัวสูงกว่าปี 61 ที่อยู่ที่ 3.7 ล้านตัน

โดยให้จับตาดูราคา CPO ของมาเลเซียจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องไปในไตรมาสสุดท้ายนี้หรือไม่ โดย 6 เดือนแรก มาเลเซียมีผลผลิตปาล์มยู่ที่ 8 ล้านตัน ต่ำกว่าปีก่อนราว 8% และสต็อกก็ค่อนข้างต่ำ อยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านตัน จากค่าเฉลี่ยที่ควรจะเป็นที่ระดับ 2 ล้านตัน

ขณะที่ 5 เดือนแรกอินโดนีเซีย อยู่ที่ 18 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพของ CPO Stock เหลือไม่ถึง 3 ล้านตัน ซึ่งยังต้องติดตามดูในครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากเป็นช่วงผลผลิตปาล์มของผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว ว่าผลผลิตจะปรับตัวขึ้นมาเพียงใด

Back to top button