ICN บวก 6% มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 2 พันลบ. จ่อเซ็นงานใหม่ราว 500 ลบ. ไตรมาส 4

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ต.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) หรือ ICN ณ เวลา 11.22 น. อยู่ที่ระดับ 7.60 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 5.56% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 79.96 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายพรชัย กรัยวิเชียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ICN เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าในปี 2564 จะมีรายได้ตามแผนที่วางไว้ 2,000 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 14 – 15% โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้ 1,048.70 ล้านบาท มาจากงานธุรกิจรับเหมาวางระบบ (Turnkey) 788.70 ล้านบาท และงานการให้บริการหลังการขาย หรือธุรกิจบำรุงรักษา 259.80 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 13.60% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรา 16.50%

ทั้งนี้แม้ว่าที่ผ่านมางานล่าช้าเพราะการระบาดโควิด-19 และการรวมกิจการของลูกค้า (บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ: NT) แต่คาดว่าในครึ่งปีหลังก็จะกลับมาเดินหน้าทำงานได้และสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่อง

โดยบริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) สิ้นสุดมิ.ย. 2564 อยู่ที่ 1,314 ล้านบาท และคาดหวังเติบโตต่อเนื่องที่รอการประมูลโครงการภาครัฐมีต่อเนื่อง ขณะที่เอกชนมีงานหลัก 100 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯมีงานของภาครัฐสัดส่วน 85% ซึ่งบริษัทคาดหวังจะเพิ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน

ส่วนงานใหม่ที่คาดว่าจะลงนามสัญญาในช่วงที่เหลือของปี 2564 นั้น ซึ่งธุรกิจ Digital Healthcare ที่คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญามูลค่าประมาณ 200 ล้านบาทในไตรมาส 4/2564 ได้แก่ ระบบ ICT และ Health Tech เพื่อส่งเสริมการรักษาพยาบาล การดูแล ควบคุม และเพิ่มศักยภาพการรับมือการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่, ศูนย์บริการการแพทย์ทางไกลเพื่อขยายการเข้าถึงการให้บริการประชาชน (Smart Hospital), โครงการนำร่อง 5G Smart Ambulance and Telemedicine

นอกจากนี้ มีธุรกิจ Smart City คาดจะลงนามสัญญาในไตรมาส 4/2564 มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท โดยมีกล้องวงจรปิดที่มีระบบ AI ในการวิเคราะห์ภาพ ระบบ Public Anouncement และป้ายประชาสัมพันธ์ ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน ระบบจดจำป้ายทะเบียน

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์(20 ก.ย.64) ว่า บริษัท อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน)  หรือ ICN  เป็นผู้ให้บริการและออกแบบวางระบบ ICT (System Integrator) และงานวางระบบไฟฟ้าที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสูง +19%CAGR ใน 2017-2020 โดยหลังการเข้าตลาดปี 2017 บริษัทมีฐานทุนสูงขึ้น และ track record ที่มากขึ้น สามารถรับงานโครงการใหญ่ระดับพันลบ. ได้แล้ว (ก่อนเข้าตลาดฯมูลค่างานหลักสิบ – ร้อยลบ.)

อีกทั้งมีอัตราทำกำไรอยู่ในกรอบบนของกลุ่มฯ ขณะที่ฐานรายได้ยังเล็กโอกาสเติบโตสูง รวมถึง เริ่มปรับตัวมารับงานใหม่อิงกระแสยุคดิจิตัล (Health tech, smart city) โดยเบื้องต้นคาดกำไรปี 2564 โต 37% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 153 ลบ. (EPS 0.34 บาท) จาก Backlog เหลืออยู่ 1.3 พันลบ. (รับรู้ราว 1.0 พันลบ.ในครึ่งหลังปี 2564) และคาดทรงตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 2565
Valuation: ยัง laggard กลุ่ม โดยมี PER21F ที่ 18 เท่า เทียบกับกลุ่มฯที่สูงกว่า 20 เท่า เป็นอีกหุ้นกลุ่มที่มีการปรับตัวมารับงานอิงกระแสยุคดิจิตัล + ยังเป็นหุ้นที่ laggard กลุ่มฯ