SVT วิ่งต่อ 5% ชูกลยุทธ์ขยายตู้-ศูนย์กระจายสินค้า มั่นใจหนุนรายได้ปี 65 โต 25%

SVT วิ่งต่อ 5% มั่นใจปี 65 รายได้โต 25% ชูกลยุทธ์ขยายตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติต่อเนื่อง โดยตั้งเป้า 20,000 ตู้ และจ่อขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติมอีก 3 สาขา เพื่อให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (6 ต.ค.2564) ราคาหุ้นบริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT ณ เวลา 10:42 น. อยู่ที่ระดับ 3.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือ 5.08% โดยทำจุดสูงสุดที่ 3.80 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 3.56 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 951.17 ล้านบาท

นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ SVT ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ภายใต้แบรนด์ SUN Vending เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 ที่ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และมีอัตรากำไรสุทธิ 5% โดยทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2564 จะมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และภาครัฐบาลได้คลายมาตรการปิดเมือง จึงเชื่อว่าจะช่วยให้ยอดการจำหน่ายสินค้าผ่านตู้จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

นอกจากนี้บริษัทยังคงเน้นการใช้กลยุทธ์การขยายตู้ในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม ที่มีสัดส่วนมากถึง 70% ของรายได้รวม ที่ในช่วงที่ผ่านมาภาคการผลิต และอุตสาหกรรมต่างๆมีการฟื้นตัวค่อนข้างมาก ส่งผลให้การจำหน่ายสินค้าผ่านตู้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วย

ขณะที่ปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้จะสามารถเติบโตไว้ที่ 25% โดยจะได้รับปัจจัยหนุนจากการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไปขยายตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเพิ่มครบตามเป้าหมายที่วางไว้ 20,000 ตู้ เป็นเครื่องอัตโนมัติประเภทที่รองรับเงินสด และการชำระผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ 15,000 เครื่อง (ตู้ smart) ในปี 2565

อีกทั้งยังมีแผนการขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติมอีก 3 สาขาในภาคเหนือที่จังหวัดลำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี และภาคใต้ ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมทั้งแผนการขยายไปยังธุรกิจ Franchise เพื่อขยายการให้บริการขายสินค้าผ่านตู้ครอบคลุมทั่วประเทศ

ทั้งนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม เพื่อที่จะขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ในประเทศเวียดนาม ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยในประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก และมีการเติบโตของเศรษฐกิจ จึงเป็นประเทศที่มีโอกาสในการเติบโต โดยหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทก็พร้อมที่จะเข้าไปขยายได้ทันที

“วันนี้ก็รู้สึกพอใจมากกับราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา และการที่ได้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ และการขยายกิจการในอนาคตต่ออีกมาก” นางอาภัสรา กล่าว

ด้านบล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค. 2564) โดยคาดคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ระดับร้อยละ 39 ในช่วงเวลา 2564 – 2566 หนุนจาก (1) การขยายจำนวนตู้จำหน่ายสินค้าของทางบริษัทที่วางเป้าไว้กว่า 20,000 ตู้ภายในปี 2566 จากปัจจุบันที่สิ้นไตรมาส 2/2564 ที่ 13,884 ตู้ (2) การฟื้นตัวของยอดขายต่อตู้จากการในภายภาคหน้าหลังปัญหา Covid-19 ลดลง (3) การประหยัดต่อขนาดจะหนุนให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นในอัตราเร่งตัวจากร้อยละ 3.30 ในปี 2564 เพิ่มขึ้นไปถึงร้อยละ 5.20 ในปี 2566

 

Back to top button