ECF บวกแรง 5% มั่นใจรายได้ปีนี้โต 12% รับออเดอร์ต่างประเทศพุ่ง-เงินบาทอ่อนหนุน

ECF บวกแรง 5% มั่นใจรายได้ปีนี้โต 12% รับออเดอร์ต่างประเทศพุ่ง-เงินบาทอ่อนหนุน พร้อมเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้ามินบูเฟส 2-4 ทยอย COD ปีหน้า บุ๊กกำไรตามสัดส่วนถือหุ้น 20%  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(6 ต.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ณ เวลา 15.00 น. อยู่ที่ระดับ 1.84 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 4.55% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 50.48 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ECF เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 2564 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 10-12% หลังแนวโน้มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดี เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ ซึ่งมียอดคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากลูกค้าญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย และจีน รวมทั้งได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวในช่วงไตรมาส 3/2564 และมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกประมาณ 64% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายจากการส่งออกเติบโตประมาณ 40% โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นเติบโตมากกว่า 20% และในช่วงไตรมาส 3/2564 ยังได้รับคำสั่งซื้อต่อเนื่อง จากลูกค้าประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และจีน

นอกจากนี้ บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ประเทศอินเดีย โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่า ยอดขายจากลูกค้ารายดังกล่าวจะเข้ามาเสริมรายได้รวมอย่างมีนัยในปี 2565 คาดจะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10-15% ของรายได้รวม

สำหรับในปี 2565 บริษัทเชื่อว่ารายได้รวมน่าจะเติบโต 10-12% จากความคาดหวังว่าสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ภาครัฐปลดล็อกมาตรการต่าง ๆ ทำให้โรงงานกลับมาดำเนินการได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการขนส่งสามารถทำได้ปกติ ประกอบกับปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์เฟอร์นิเจอร์ที่มาจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก และต่อเนื่องถึงปี 2565 แล้ว

ขณะที่ในปี 2565 บริษัทเตรียมเปิดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ภายใต้ชื่อ SoMeWa Plaza ซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนเสริมของช่องทางการขายใหม่ของบริษัท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบของ SoMeWa Plaza คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการสั่งซื้อสินค้าได้ภายในไตรมาส 1/2565

ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบูในประเทศเมียนมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างเฟสที่ 2-4 หลังจากได้จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เฟส 1 ขนาดกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ไปแล้ว โดยเบื้องต้นคาดเฟส 2 จะสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 2/2565 และเฟส 3 จะสามารถ COD ในช่วงปลายปี 2565 ซึ่งบริษัทจะรับรู้กำไรจากเงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น 20%

นอกจากนี้ บริษัทมีการมองหาโอกาสใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้ามาเสริมรายได้และกำไรให้กับบริษัท เพื่อการเติบโตที่ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจากับพันธมิตรในตะวันออกกลาง เพื่อรุกการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยบริษัทมองว่าในปี 2565 เศรษฐกิจและกำลังซื้อในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจะกลับมาฟื้นตัว

Back to top button