SVT แรงต่อ 26% ลุ้นรายได้ปีนี้โต 10% รับแผนขยาย Vending Machine แตะ 2 หมื่นตู้
SVT ทะยานต่อเนื่อง 22% มั่นใจแผนขยาย Vending Machine ครบ 2 หมื่นตู้ ผลักดันรายได้ปีนี้โตกว่า 10% ฟากโบรกมองผลงาน 3 ปี (2564-66) โตเฉลี่ย 33.65%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SVT ณ เวลา 10:09 น. อยู่ที่ระดับ 7.35 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 25.64% สูงสุดที่ระดับ 7.35 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.43 พันล้านบาท
ด้าน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SVT เตรียมเดินหน้าขยายธุรกิจ ตั้งเป้าเพิ่มเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเป็น 2 หมื่นเครื่อง ขยายอีกเพิ่ม 3 สาขา เล็งจับมือพาร์ตเนอร์บุกตลาดเวียดนาม โดยมั่นใจรายได้ปีนี้พุ่ง 2 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดรายได้โต 25%
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ จากคาดบริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ยในปี 2564-66 ที่ 33.65% หนุนโดยการขยายบริการเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะช่วยในด้านการเพิ่มรายได้แล้ว ยังช่วยหนุนอัตรากำไรจากการประหยัดต่อขนาด
ประกอบกับสถานการณ์การระบาดที่คาดว่าจะดีขึ้นในปี 2565 ช่วยหนุนการฟื้นตัวของรายได้ จากจุดบริการในพื้นที่เปิดต่างๆ และยังช่วยหนุนรายได้จากค่าโฆษณาบนเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบ smart
นอกจากนี้จากการหาพันธมิตรทางการค้า, การขายแฟรนไชส์เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและแผนที่จะขยายบริการเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติสู่ CLMV ของบริษัทจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานแก่บริษัทในอนาคต สำหรับความเสี่ยงที่ต้องระวังของ SVT คือ การเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ และการแข่งขันที่รุนแรงเนื่องจากสินค้าและบริการของบริษัทสามารถถูกทดแทนได้สูง ซึ่งอาจกดดันทั้งในด้านของรายได้และอัตรากำไร
ด้าน นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ SVT ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ภายใต้แบรนด์ SUN Vending เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 ที่ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% และมีอัตรากำไรสุทธิ 5% โดยทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/64 จะมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และภาครัฐบาลได้คลายมาตรการปิดเมือง จึงเชื่อว่าจะช่วยให้ยอดการจำหน่ายสินค้าผ่านตู้จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังคงเน้นการใช้กลยุทธ์การขยายตู้ในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม ที่มีสัดส่วนมากถึง 70% ของรายได้รวม ที่ในช่วงที่ผ่านมาภาคการผลิต และอุตสาหกรรมต่างๆมีการฟื้นตัวค่อนข้างมาก ส่งผลให้การจำหน่ายสินค้าผ่านตู้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วย
ขณะที่ปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้จะสามารถเติบโตไว้ที่ 25% โดยจะได้รับปัจจัยหนุนจากการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไปขยายตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเพิ่มครบตามเป้าหมายที่วางไว้ 20,000 ตู้ เป็นเครื่องอัตโนมัติประเภทที่รองรับเงินสด และการชำระผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ 15,000 เครื่อง (ตู้ smart) ในปี 65
นอกจากนี้ยังมีแผนการขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติมอีก 3 สาขาในภาคเหนือที่จังหวัดลำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดอุดรธานี และภาคใต้ ที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวมทั้งแผนการขยายไปยังธุรกิจ Franchise เพื่อขยายการให้บริการขายสินค้าผ่านตู้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ทั้งนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม เพื่อที่จะขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ในประเทศเวียดนาม ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยในประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมาก และมีการเติบโตของเศรษฐกิจ จึงเป็นประเทศที่มีโอกาสในการเติบโต โดยหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทก็พร้อมที่จะเข้าไปขยายได้ทันที
“วันนี้ก็รู้สึกพอใจมากกับราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา และการที่ได้เงินจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะเข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ และการขยายกิจการในอนาคตต่ออีกมาก” นางอาภัสรา กล่าว