4 โรงแรมบวกยกแผง SHR นำทีมวิ่ง 3% เด้งรับเปิดจองที่พัก “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” วันนี้
4 โรงแรมบวกยกแผง SHR นำทีมวิ่ง 3% เด้งรับเปิดจองที่พัก “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส3” วันนี้ ก่อนเที่ยวจริง 15 ต.ค.64 โบรกฯ คาด ERW-CENTEL ได้ sentiment บวกจากโครงการนี้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ณ เวลา 10.39 น. ราคาหุ้น บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR อยู่ที่ 3.80 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 3.26% สูงสุดที่ 3.84 บาท ต่ำสุดที่ 3.72 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 75.42 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW อยู่ที่ 3.26 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 2.52% สูงสุดที่ 3.28 บาท ต่ำสุดที่ 3.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17.06 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL อยู่ที่ 36.75 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.38% สูงสุดที่ 37 บาท ต่ำสุดที่ 36.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 38.33 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อยู่ที่ 33.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.76 บาท สูงสุดที่ 33.50 บาท ต่ำสุดที่ 32.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 163.22 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้น SHR, ERW, CENTEL และ MINT ปรับตัวขึ้น คาดว่านักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร พร้อมจับตามองการเปิดให้นักท่องเที่ยวจองที่พักโรงแรมตามสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกับเฟส 3
โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 พร้อมเปิดให้ประชาชนจองโรงแรม/ที่พักแล้ว หลังจากที่มีการเปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา จำนวน 2 ล้านสิทธิ โดยประชาชนสามารถจองโรงแรม/ที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 8 – 23 ตุลาคม 2564 เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป และจะสิ้นสุดโครงการวันที่ 31 มกราคม 2565
สำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าโรงแรม 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน จำกัดสิทธิคนละไม่เกิน 15 ห้อง หรือ 15 คืน พร้อมสนับสนุนส่วนลด e-voucher คูปองอาหาร/ท่องเที่ยวมูลค่า 600 บาท ต่อห้องต่อคืน เมื่อเข้าพัก Check-In ที่โรงแรม โดยคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว สามารถใช้ได้ที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ ประชาชนชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง
ทั้งนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 สิทธิผู้โดยสาร ต่อ 1 ห้องโรงแรมที่จอง 40% ของราคาค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อผู้โดยสาร พร้อมมีสิทธิเพิ่มเติมสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยังภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย อีกด้วย
ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทยว่า มีบริษัททัวร์สมัครลงทะเบียนเพิ่มขึ้นจำนวนกว่า 366 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2564) โดยประชาชนสามารถเริ่มจองแพ็คเกจทัวร์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 – 31 มกราคม 2565 ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรง ใช้ได้ 1 สิทธิต่อ 1 คน จองแพ็คเกจก่อนเดินทางล่วงหน้า 7 วัน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว 40% ไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธิ จำนวน 1 ล้านสิทธิ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่ามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มท่องเที่ยว แม้ว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกับเฟส 3 จะมีการให้สิทธิ์จำนวนห้องพักได้เพียง 2 ล้านสิทธิ์ เมื่อเทียบกับรอบแรกที่ 5 ล้านสิทธิ์ และรอบ 2 ที่ 1 ล้านสิทธิ์ โดยยังคงให้ราคาเพดานห้องพักต่อห้องที่ 7,500 บาท (ส่วนลด 40% ไม่เกิน 3,000 บาท) เท่าเดิม
ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทยมองว่าราคาสูงเกินไปคนอาจจะใช้สิทธิ์น้อย แต่อย่างไรก็ดีการรวมทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรม เพราะรอบมีการล็อกดาวน์ ค่อนข้างนานกว่ากว่า 2 เดือน เทียบกับปีก่อนที่เพียง 1 เดือน ทำให้เกิด perit up demand สูง และมองว่าการท่องเที่ยวรอบนี้จะนับการเดินทางที่ใช้ รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงสูงอยู่ และน่าจะเป็นจังหวัดใกล้ๆที่เดินทางกัน เช่น พัทยาและหัวหิน
โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากน้อย เรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยจากมาก-น้อยคือ ERW (90%), CENTEL (80%), MINT (15%) และ SHR (5%) โดยคาดว่า ERW และ CENTEL จะได้ sentiment เชิงบวกจากโครงการนี้มากที่สุด
ทั้งนี้ยังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวเป็น “มากกว่าตลาด” เลือก SHR (ซื้อ/เป้า 4.50 บาท) และ MINT (ซื้อ/เป้า 38.00 บาท) เป็น Top pick เพราะมองการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในต่างประเทศเร็วกว่าไทย