3 หุ้นนิคมฯ วิ่งฉิว! รับต่างชาติเข้าไทยไม่ต้องกักตัว คาดหนุนยอดขายที่ดิน Q4 พุ่ง

3 หุ้นนิคมฯ วิ่งฉิว! รับแผนต่างชาติเข้าไทยไม่ต้องกักตัว คาดหนุนยอดขายที่ดินไตรมาส 4/64 เติบโต หนุนผลงานฟื้นตัวแกร่ง โบรกฯ ชู WHA และ AMATA เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ณ เวลา 10:38 น. ราคาหุ้น บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA อยู่ที่ 20.40 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 4.62% สูงสุดที่ 20.60 บาท ต่ำสุดที่ 19.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 301.61 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA อยู่ที่ 3.38 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 2. 3.05% สูงสุดที่ 3.38 บาท ต่ำสุดที่ 3.32 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 420.20 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA อยู่ที่ 7.25 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.11% สูงสุดที่ 7.35 บาท ต่ำสุดที่ 7.15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 48.64 ล้านบาท

ทั้งนี้ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ต.ค.2564) ว่า ยอดขอ BoI เติบโต 140% เป็น 5.21 แสนล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 ซึ่งสูงกว่าทั้งปี 2563 อยู่ 21% และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนโควิด 11% ซึ่งเป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ถึง 71% ของทั้งหมด และอยู่ในพื้นที่ EEC ที่ 33% BoI คาดยอดคำขอส่งเสริมจะแตะ 6 แสนล้านบาทในปีนี้

นอกจากนี้การเปิดประเทศให้ผู้เดินทางจากประเทศความเสี่ยงต่ำเข้าไทยโดยไม่กักตัว จะช่วยปลดล็อคอุปสงค์คงค้างในที่ดินนิคมฯ คาดยอดขายที่ดินรวมในปี 2564 จะเติบโต 153% เมื่อเทียบจากปีก่อน และในปี 2565 จะเติบโต 35% ผู้ประกอบการนิคมฯ ทุกรายจะได้ประโยชน์ เลือก WHA และ AMATA เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม

ส่วนบล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ต.ค.2564) แนะนำ “ถือ” หุ้น AMATA ราคาเป้าหมาย 19 บาท นักลงทุนจะสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น ทำให้ยอด presale และ transfer จะดีขึ้น ถึงแม้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นจีนที่ยังไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ แต่คาดว่าจะได้รับ Sentiment เชิงบวกของยอด transfer ที่จะเพิ่มขึ้น จากฐานที่ต่ำในช่วงปี 2563-2564

ขณะที่บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ต.ค.2564) ว่า คาดกำไรสุทธิของ WHA ในช่วงครึ่งหลังปี 2564 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากครึ่งปีแรก และเมื่อเทียบจากปีก่อน  จาก 1) มีรายได้จากการขายทรัพย์เข้ากอง (บันทึกในไตรมาส 4 ของทุกปี) ซึ่งปีนี้เป็นทรัพย์ที่ WHA ถือ 100% 2) ส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมค้าเพิ่มขึ้น จากธุรกิจไฟฟ้า ตามการใช้ไฟที่เพิ่มมากขึ้น และไม่มีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้าเหมือนในครึ่งแรกปี 2564 3) คาดธุรกิจโลจิสติกส์ยังเติบโตได้ดี ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ทำให้ความต้องการพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าเพิ่มขึ้น หนุนกำไรปี 2564 เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบจากปีก่อน ที่ 2,569 ล้านบาท สำหรับกำไรสุทธิปี 2565 คาดเติบโต 29% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายที่ดิน และธุรกิจให้เช่า-สาธารณูปโภค

Back to top button