SVI พุ่งแรง 7% โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชูหุ้นแลกการ์ด กำไรไตรมาส 3 โตทะลุ 180 ลบ.

SVI พุ่งแรง 7% โบรกฯแนะ "ซื้อ" เป้า 5.80 ชูหุ้นแลกการ์ด มอง Q3 กำไรทะลุ 180 ลบ. คาดจะมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของ GPM จากค่าเงินบาทที่เอื้ออำนวย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (15 ต.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ณ เวลา 16:05 น. อยู่ที่ระดับ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ 6.85% โดยทำจุดสูงสุดที่ 5.40 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 4.98 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 186.67 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ต.ค. 2564) โดยคาดว่า SVI จะรายงานกำไรหลักไตรมาส 3/2564 ที่ 183 ล้านบาท ทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสก่อน คาดจะมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 6% เป็น 130 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.32 พันล้านบาท) และการขยายตัวของ GPM เล็กน้อยอีก 20bps เป็น 8.30% จากค่าเงินบาทที่เอื้ออำนวย ทั้งนี้ SVI ยังคงเป็นหุ้น Laggard โดยซื้อขายค่า P/E ที่ 16.40 เท่า สำหรับช่วงปี 2564 และ 14.40 เท่า ในช่วงปี 2565

อย่างไรก็ดี SVI ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 540 – 600 ล้านดอลลาร์ในปี 2564 (ราว 17,963.64 – 19,959.60 ล้านบาท) ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการปัจจุบันของทางฝ่ายวิจัย หรือคิดเป็นการเติบโต 28% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีก่อน ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ผลิตภัณฑ์ด้านการสื่อสารและผลิตภัณฑ์ป้ายราคา คาดว่าจะช่วยชดเชยการดำเนินงานกลุ่มยานยนต์ได้ ในขณะเดียวกันการขยายกำลังการผลิตในสโลวาเกีย (ไตรมาส 2/2565) และกัมพูชา (ครึ่งหลังปี 2565) คาดจะเพิ่มการเติบโตของรายได้ ในปี 2565 อีก 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งงานในมือปัจจุบันอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์ และขยายระยะเวลารอสินค้าเพิ่มจาก 6 เดือน เป็น 12 เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วน

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2564 ทาง SVI ประกาศซื้อสัดส่วน 100% ใน Tokohu Pioneer (ประเทศไทย) หรือ TPT ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะและพลาสติกในกลุ่มยานยนต์ โดยจะจัดซื้อผ่านการกู้ และจะเริ่มควบรวมในเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งบริษัทนั้นตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดอยุธยา โดยมีขนาดโรงงานประมาณ 15,000 ตรม. (14% ของพื้นที่โรงงานปัจจุบันของ SVI) แม้ว่าจำนวนเงินที่ชำระยังไม่ถูกเปิดเผย เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง SVI ตั้งเป้าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ราว 200 ล้านบาท และเพิ่มยอดขายให้ TPT อีก 4,500 ล้านบาท จากเดิมที่ 1,500 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นเดือน มี.ค. 2564) ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนรายได้รถยนต์จาก 11% เป็น 15% ทั้งนี้ปัจจุบัน u-rate ของ TPT อยู่ที่ 40% เท่านั้น โดยทางฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสม SVI โดยอิงค่า P/E ที่ 15.80 เท่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท

 

Back to top button