KKP โชว์งบไตรมาส 3 กำไร 1.48 พันลบ. ดัน 9 เดือนโตแตะ 4.29 พันลบ.

KKP โชว์งบไตรมาส 3 กำไร 1.48 พันลบ. ดัน 9 เดือนโตแตะ 4.29 พันลบ. รายค่าธรรมเนียม-บริการหนุนเด่น


ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ดังนี้

ธนาคารเกียรตินาคินภัทรและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/2564 เท่ากับ 1,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 1,629 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สำหรับงวดเก้าเดือนของปี 2560 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 4,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 จากงวดเดียวกัน ของปี 2563 และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมเท่ากับ 4,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

เนื่องจากการดำเนินการของธนาคารที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างธุรกิจหลักในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ธนาคารมีการกระจาย รายได้อย่างเหมาะสม และช่วยลดทอนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในปัจจุบันที่ยังคงได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโรค-19 ได้ในบางส่วน ส่งผลให้ธนาคารยังคงสามารถรักษาผลการดำเนินงานได้ในระดับที่ดี

ทั้งนี้ สำหรับไตรมาส 3/2564 ธนาคารมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยหลักจากรายได้ ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ธุรกิจหลักต่างๆยังคงสามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดี

ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น เช่นกัน ร้อยละ 8.3 ในด้านของค่าใช้จ่ายธนาคารยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ สำหรับไตรมาส 3/2564 ปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ที่ ร้อยละ 40.8

ทางด้านการตั้งสำรองธนาคารยังคงอาศัยหลักความระมัดระวังในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเกรดที่คาดว่า จะเกิดขึ้น โดยธนาคารมีการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับไตรมาส 3/2564 เป็นจำนวน 1,007 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ด้านสินเชื่อของธนาคารยังคงมีการเติบโตได้ในระดับที่ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 สินเชื่อรวมของธนาคารมีการ ขยายตัวที่ร้อยละ 8.7 จากสิ้นปี 2563 โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพของสินเชื่ออย่างต่อเนื่องและมุ่งเน้น การขยายสินเชื่อในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี ส่งผลให้การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อโดยหลักจะมาจาก การขยายตัวในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อบรรษัท

ในด้านคุณภาพของสินเชื่อ อัตราส่วน สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 3.4 เมื่อ สิ้นไตรมาส 2/2564 โดยธนาคารยังคงมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 158.0 สำหรับเงินกองทุน ธนาคารยังคงมีสถานะเงินกองทุนอยู่ในระดับที่สูงและเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดยธนาคารแห่ง ประเทศไทย โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2561 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 16.82

ทางด้านธุรกิจตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งตลาด (SET และ mai ไม่รวมบัญชี ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15.74 ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 1 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 38 แห่ง

Back to top button