TPIPP ออกหุ้นกู้ 5 พันลบ. ชูดอกเบี้ย 3.55% ขายสถาบัน-รายย่อย 9-11 พ.ย.
TPIPP ออกหุ้นกู้ 5 พันลบ. ชูดอกเบี้ย 3.55% ขายสถาบัน-รายย่อย 9-11 พ.ย. เพื่อนำเงินชำระคืนหุ้นกู้-ลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ 2 โครงการ ในจ.สงขลา-นครราชสีมา
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือTPIPP เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ TPIPP ครั้งที่ 2/2564 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 5,000 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายไม่เกิน 5 ล้านหน่วย อายุ 4 ปี 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.55% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยจะเริ่มชำระดอกเบี้ยงวดแรก 12 ก.พ.65
โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 12 ต.ค.64 ที่อันดับ BBB+ และแนวโน้มอันดับเครดิต Stable และมีอันดับเครดิตเฉพาะองค์กรของบริษัทฯ (Stand-alone credit rating) อยู่ที่ระดับ “A” ตอกย้ำถึงศักยภาพผู้นำอันดับหนึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่ช่วยกำจัดขยะให้ประเทศ (Green & Clean Energy)
ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แน่นอนและมั่นคงของ TPIPP ซึ่งได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreements – PPA) ที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันด้านต้นทุนเชื้อเพลิงของบริษัทฯ
โดยหุ้นกู้ดังกล่าวจะเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป (Public Offering) มูลค่าหุ้นกู้ที่ตราไว้หน่วยละ 1,000 บาท ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 13 ราย ได้แก่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย , บล.เอเซีย พลัส, บล.เคทีบีเอสที, บล. กรุงไทย ซีมิโก้, บล.ไอร่า, บล.โนมูระ พัฒนสิน, บล.หยวนต้า (ประเทศไทย), บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย), บล.คันทรี่ กรุ๊ป, บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย), บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กำหนดให้นักลงทุนชำระเงินจองซื้อในวันที่ 9-11 พ.ย.64
สำหรับวัตถุประสงค์การออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้บางส่วนที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 และใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ 2 โครงการที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดนครราชสีมา โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 66
นายภัคพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีกำไรที่มั่นคงจากโรงไฟฟ้าของบริษัท รวมถึงสัดส่วนภาระหนี้สินทางที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น D/E จำนวน 0.52 เท่า (ณ งวด 6 เดือนแรกปี 2564) อีกทั้ง มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น และทำให้บริษัทฯ มีผลกำไรเพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 5,706 ล้านบาท เติบโต 3.28% และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 2,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA ยังคงต่ำอยู่ที่ประมาณ 2 เท่าเศษ ในเดือนมิถุนายน 2564
“เรายังคงมุ่งมั่นที่จะแสวงหาการลงทุนใหม่ๆ ทั่วประเทศเพื่อเติมเต็มผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา TPIPP ได้ชนะการประมูลในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะจำนวน 2 โครงการ ที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดนครราชสีมา โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ 7.92 และ 9.9 เมกะวัตต์ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเข้าร่วมในการประมูลสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่หลายโครงการ และได้ยื่นเรื่องการขอทำสัญญาเสนอการขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ RDF (TG7) ขนาดกำลังการผลิตจำนวน 40 เมกกะวัตต์ (MW) คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้” นายภัคพล กล่าว