SPALI วิ่ง 4% โบรกฯอัพเป้า 28 บ. ชี้กำไร Q3 แตะ 1.60 พันลบ. อานิสงส์ยอดโอนพุ่ง
SPALI บวก 4% โบรกฯมองกำไรไตรมาส 3 แตะ 1.60 พันลบ. รับยอดโอนโตเด่น เนื่องจากมีคอนโดใหม่เริ่มโอนเพิ่มขึ้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (27 ต.ค.2564) ราคาหุ้นบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ณ เวลา 11:29 น. อยู่ที่ระดับ 23.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 3.59% โดยทำจุดสูงสุดที่ 23.30 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 22.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 388.30 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ต.ค.2564) โดยทางฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 จะอยู่ที่ 1.60 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 5% จากไตรมาสก่อน ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากยอดโอนที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีคอนโดใหม่เริ่มโอนเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะยังคงอยู่ในระดับสูงราว 39.90% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2563 ที่ 36.60%, ไตรมาส 2/2564 ที่ 39.90% โดยคอนโดใหม่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี
ส่วนกำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยเป็นผลจากส่วนแบ่งกำไรจาก JV ที่จะลดลงเหลือราว 30 ล้านบาท จากไตรมาส 2/2564 ที่ 190 ล้านบาท หลังจากโครงการในออสเตรเลียมีการรับรู้รายได้ในครึ่งปีแรก 2564 ไปค่อนข้างมากแล้ว ทั้งนี้จะทำให้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 4.10 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้นจากเดิม 4% ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6.20 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากยอดโอนไตรมาส 3/2564 ที่ยังมีทิศทางที่ดี และไตรมาส 4/2564 ที่ยังคงเติบโตดีขึ้นจาก Backlog ที่สูง ส่งผลให้ทางฝ่ายวิจัยปรับรายได้เพิ่มขึ้น 4% เป็น 2.70 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 จะดีขึ้นและทำจุดสูงสุดของปีที่ 2 – 2.10 พันล้านบาท
นอกจากนี้ทางฝ่ายวิจัยยังปรับประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้นจากเดิม 4% เป็น 6.80 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากผลบวกการผ่อนเกณฑ์ LTV ทำให้แนวโน้มยอดโอนจะเติบโตได้ดีขึ้นจากเดิม ขณะที่มี Backlog สำหรับโอนในปี 2565 แล้ว ที่ 1.40 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 48% จากเป้าหมายรายได้ที่ทางฝ่ายวิจัยประเมินที่ 2.90 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง Backlog ยังอยู่ในระดับที่สูง โดยส่วนใหญ่มาจากคอนโดเป็นหลัก ขณะที่การเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่มากขึ้นจะช่วยเพิ่มให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยปรับราคาเป้าหมายขึ้นโดยการ Rollover ไปเป็นปี 2565 ที่ 28 บาท (จากเดิม 25.00 บาท) ยังอิงค่า PER ที่ 9 เท่า โดยมี Key Catalyst จากกำไรไตรมาส 3/2564 ที่ยังมีทิศทางดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่จะปรับตัวลดลงมาก ขณะที่กำไรปี 2564 – 2565 จะะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง จาก Backlog ที่สูงและได้ปัจจัยหนุนจากการผ่อนเกณฑ์ LTV ที่จะทำให้รายได้เติบโตได้ดีต่อเนื่อง ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”