SIS พุ่ง 5% ลุ้นกำไร Q3 แตะ 200 ลบ. อานิสงส์ “เสี่ยวหมี่” ตีตลาดเชิงรุกดันรายได้เพิ่ม
SIS วิ่งแรง 5% โบรกฯชูเป้า 43 บ. คาดกำไรไตรมาส 3 แตะ 200 ลบ. อานิสงส์ “เสี่ยวหมี่” ทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ช่วยหนุนรายได้เพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (28 ต.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS ณ เวลา 12:11 น. อยู่ที่ระดับ 34.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 5.34% โดยทำจุดสูงสุดที่ 34.50 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 32.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 64.81 ล้านบาท
บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ต.ค. 2564) โดยทางฝ่ายวิจัยมองเป็นบวกมากขึ้นต่อการจัด Group conference call วานนี้ (27 ต.ค. 2564) จากความต้องการสินค้า IT ที่ยังสูง และรายได้ธุรกิจ Cloud จะขยายตัวสูงจากการขายบริการ Amazon Web Services (AWS) โดยมีประเด็นสำคัญ คือ (1) ประเมินความต้องการสินค้า IT จะยังสูง และไม่ได้ลดอย่างมีนัยภายหลังการกลับมาทำงาน office ส่วน (2) ธุรกิจ Cloud มีโอกาสที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ภายหลังที่บริษัทได้เป็น Distributor รายแรกของ AWS ในไทยตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 โดยประเมินว่าลูกค้าจะหันมาซื้อบริการ AWS ผ่านบริษัทมากขึ้นจากเดิมซื้อตรง เนื่องจากบริษัทได้ให้ส่วนลด และลดความกังวลจากปัญหาค่าเงินบาท
อีกทั้ง (3) รายได้ Securities จากการให้บริการ Subscription จะเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการโจรกรรมข้อมูลทางออนไลน์ที่สูงขึ้น โดยคาดสัดส่วนรายได้ปี 2564 จะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ส่วนปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของรายได้รวม นอกจากนี้ (4) ประเมินยอดขาย Xiaomi จะยังอยู่ในระดับสูง จากการทำตลาดเชิงรุกของ Xiaomi ที่เพิ่มมากขึ้น และคาดว่ากลุ่มลูกค้าจะไม่ทับซ้อนกับ Fanslink เนื่องจาก Fanslink ได้สิทธิในการขายสินค้าออนไลน์เท่านั้น ทั้งนี้้บริษัทยังคงเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า Xiaomi หลักด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 60% และ (5) ประเมินปัญหาเรื่อง Chipset ที่ขาดแคลนจะเริ่มคลี่คลายช่วงปลายปี 2565 จาก Supply โรงงานผลิตที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน จาก (1) รายได้ที่ขยายตัว 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยรายได้กลุ่ม mobile ที่ ขยายตัว 80% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการทำตลาดเชิงรุกของสมาร์ทโฟน Xiaomi อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีส่วนแบ่ง การตลาดในไตรมาส 2/2564 เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 ทั่วโลก และอันดับ 1 ในไทย, ขณะที่รายได้กลุ่ม Commercial และ Value-Added จะหดตัว 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการระบาด COVID-19 ที่ทำให้ลูกค้าเลื่อนการเข้า Site งานสำหรับติดตั้ง และทดสอบงานโครงการ และ (2) Gross profit margin เพิ่มขึ้นเป็น 6.00% (ไตรมาส 2/2564 = 5.70%) จากสถานการณ์สินค้าที่ยังคงขาดตลาด
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และปี 2565 ที่ 884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จาก (1) รายได้ที่ขยายตัวปีละ 32%/16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยความต้องการสินค้า IT ที่สูง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่รวดเร็ว และการลงทุนในระบบ IT infrastructure และ Cybersecurities ให้เป็นไปตาม พรบ.ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2565
รวมทั้งเราประเมินว่ารายได้จากธุรกิจ Cloud มีโอกาสที่จะขยายตัวสูง จากการปรับตัวให้สามารถ Work From Anywhere ได้ และบริษัทได้สิทธิในการเป็นตัวแทนจำหน่าย AWS รายแรกในไทย และ (2) SG&A/sale ปรับตัวลงเป็น 3.40%/3.10% จากการประหยัดจากขนาด
อนึ่งราคาเป้าหมาย 43.00 บาท อิงปี 2565 ค่า PER ที่ 17.00 เท่า หรือคิดเป็น PEG ที่ 1.00 เท่า อิงปี 2563 – 2566 EPS CAGR +18% โดย SIS มี key catalyst ที่สำคัญคือ (1) ประเมินผลกระทบจากปัญหาสินค้า IT ที่ขาดตลาดต่ำเนื่องจากบริษัทมีประเภทสินค้า และยี่ห้อที่หลากหลายในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการค้าส่งสินค้า IT ขนาดใหญ่ในประเทศไทย, (2) ยอดขายสินค้าที่จะอยู่ในระดับสูง ตามเทคโนโลยีที่มีการพัฒนา และเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 5G, WiFi6 รวมทั้งการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตประจำวันเป็น Smart Environment ที่หนุนต่อความต้องการสินค้า IoT ที่มากขึ้นซึ่งบวกต่อ SIS ที่มีส่วนแบ่งการตลาดของ Xiaomi ในไทยมากกว่า 60% และ (3) ROE ที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 26% ในปี 2564 (จาก 23% ในปี 2563) แนะนำ “ซื้อ”