โบรกฯชี้ GLOCON ไตรมาส 4 เทิร์นอะราวด์ มองบวกดีล “ลูกชิ้นทิพย์” หนุนรายได้-กำไรโตเด่น
โบรกฯชี้ผลงาน GLOCON ไตรมาส 4 เทิร์นอะราวด์ มองบวกดีล “ลูกชิ้นทิพย์” หนุนรายได้-กำไรปี 65-66 โตเด่น แนะซื้อเป้า 1.50 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(28 ต.ค.64) ว่า บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON คาดผลการดำเนินงานหลักไตรมาส 3/2564 จะพลิกเป็นขาดทุนราว 9 ล้านบาทจากที่มีกำไร 8.3 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2564 และ 1.2 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2563
โดยหลักมาจากผลกระทบของ COVID-19 ทำให้ต้องหยุดสายการผลิตโรงงานผลไม้อบแห้ง 1 เดือน ซึ่งกระทบทั้งรายได้และอัตรากำไรเพราะเป็นธุรกิจผลิต ประกอบกับธุรกิจร้านอาหาร A&W ยังได้รับ ผลลบจากมาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดมากขึ้น และบริษัทมีปิดสาขาใหญ่ราว 10 สาขา ที่ไม่ Perform เพื่อปรับ Format สาขาให้เล็กลง เบื้องต้นคาดอาจมีค่าใช้จ่ายในการปิดสาขารวมเข้ามาด้วยทำให้ภาพรวมไตรมาส 3/2564 ไม่สดใส
แนวโน้มไตรมาส 4/2564 จะพลิกมีกำไรอีกครั้ง หลังโรงงานผลไม้อบแห้งกลับมา Operate ได้เต็มที่อีกครั้ง ขณะที่ธุรกิจ Frozen Food ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของ Traffic จำนวนลูกค้าเข้าร้าน 7-11 และบริษัททยอยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง
โดยในไตรมาส 3/2564 มีการวางขาย Plant Based Food แบบ OEM ใน 7-11 และ Lotus’s และ ภายใต้แบรนด์ตนเอง Kitchen Plus ใน BigC และ Foodland และจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสในไตรมาส 4/2564 นอกจากนี้ล่าสุดยังมีการออกสินค้าใหม่ ซุปกิมจิ เต้าหู้อ่อน ภายใต้ แบรนด์ EZYGO วางขายใน 7-11 ทุกสาขา และคาดจะมีสินค้าใหม่อื่นๆอีกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี อย่างไรก็ตามด้วยผลกระทบ COVID-19 ในไตรมาส 3/2564 จึงปรับลดกำไรสุทธิปี 2564 ลงเป็น 15 ล้านบาท จาก 42 ล้านบาท แต่ยังการพลิกจากที่ขาดทุนในปีก่อน
ล่าสุดบริษัทประกาศซื้อธุรกิจลูกชิ้นทิพย์ในสัดส่วน 70% มูลค่า 590 ล้านบาท แหล่ง เงินทุนมาจากการเพิ่มทุน RO สัดส่วน 5.1 ราคา 0.9 บาท เงินที่จะได้รับจากการสิทธิแปลง GLOCON-W4 และเงินสดในกิจการ รวมถึงจะขออนุมัติออกหุ้นกู้อีก 1 พันล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำรอง
โดยลูกชิ้นทิพย์เน้นขายช่องทางการขายค้าปลีกผ่าน Kiosk กว่า 400 ร้านค้าทั่วประเทศ และเน้นขายส่งผ่านช่องทาง IT (ซึ่งเป็นช่องทางที่ GLOCON ไม่ถนัด น่าจะช่วยเสริมให้กับ GLOCON ได้ในระยะถัดไป) ส่วนช่องทาง MT ยังมีรายได้น้อยมาก ซึ่งเป็นช่องทางที่ GLOCON ถนัดและมีแผนนำลูกชิ้นทิพย์ ขยายเข้าไปในระยะถัดไปเช่นเดียวกัน น่าจะเห็น Synergy ระหว่างกันในอนาคต
อย่างไรก็ตามอิงข้อมูลงบการเงินจากกท.พาณิชย์พบว่าลูกชิ้นทิพย์มีรายได้และกำไรปี 2562 อยู่ที่ 774 ล้านบาท และ 632 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนรายได้และกำไรปี 2563 อยู่ที่ 67 ล้านบาท และ 38 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปี 2563 ถูกกระทบจาก COVID คาดดีลนี้จะแล้วเสร็จในเดือน ก.พ. 2565 จึงเริ่มรวมงบการเงินไว้ในประมาณการ
โดยคาดรายได้และกำไรปี 2565 ลูกชิ้นทิพย์ไว้ที่ 580 ล้านบาท และ 33 ล้านบาท (สัดส่วน 70%) นำไปสู่การปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2565 ขึ้น 22.6% เป็น 179 ล้านบาท และรวมหุ้นเพิ่มทุน RO (Fuly Diluted) ซึ่งกำไรส่วนเพิ่มดังกล่าวสามารถหักล้างผล Dilution ได้ทั้งหมด จึงยังคงราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 1.5 บาท (ถึง PE เต็ม 25 เท่า) และคาดกำไรของลูกชิ้นทิพย์จะเติบโตจนเห็นผลบวกของกำไรต่อหุ้นส่วนเพิ่มได้ชัดเจนในปี 2566