GULF วอลุ่มทะลัก-บวก 3% จับตา Q3 กำไรนิวไฮทะลุ 3 พันลบ. แนะซื้อเป้า 47 บาท
GULF วอลุ่มทะลัก-บวก 3% จับตาไตรมาส 3 กำไรนิวไฮทะลุ 3 พันลบ. แนะซื้อเป้า 47 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(28ต.ค.64)ราคาหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 15:28 น. อยู่ที่ระดับ 44.25 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 3.51% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.80 พันล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้(17ต.ค.64)นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า บริษัทเลือกบันทึกบัญชีลงทุนในบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH โดยใช้วิธีส่วนได้เสีย หรือ equity method ซึ่งบริษัทคาดว่าจะส่งผลดีต่อการบันทึกกำไรมากกว่า เนื่องจากไม่ต้องรวมมูลค่าทรัพย์สินของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC (AIS) เข้ามา
ด้านนายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (FSSIA) เปิดเผยว่า GULF ใช้วิธีบันทึกบัญชีลงทุนใน INTUCH ด้วยวิธี equity method โดยบริษัทให้เหตุผลว่าการใช้วิธีดังกล่าวนั้นไม่ต้องตีมูลค่า ADVANC เข้ามารวม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นใบอนุญาต (ไลเซนส์) คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมที่มีจำนวนมาก ดังนั้นหากตีมูลค่าสินทรัพย์และนำมารวมกับบริษัท จะส่งผลกระทบต่อกำไรที่คาดว่าจะหายไปปีละประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน GULF ถือหุ้น INTUCH ในสัดส่วน 42.25% และ INTUCH ถือหุ้นใน ADVANC และบริษัท ไทยคมจำกัด (มหาชน) หรือ THCOM
ดังนั้นข้อดีของวิธี equity method คือ จะไม่เกิด purchase price allocation (PPA) แต่จะทำเพียง PPA ของ THCOM ซึ่งจะเกิด amortization ประมาณ 10 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่มีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามปี 2565 ทาง GULF จะบันทึกกำไร INTUCH เต็มปีประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี
ขณะเดียวกันคาดว่า GULF จะรับรู้กำไรจาก INTUCH ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2564 ส่งผลให้คาดว่ากำไรไตรมาส 3/2564 ของ GULF อยู่ที่กว่า 3,000 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ)
นอกจากนี้ GULF จะได้รับผลดีจากการเปิดประเทศ ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับแผนพลังงานชาติของประเทศไทยและเวียดนามที่กำลังจะประกาศออกมาเร็ว ๆ นี้ คาดว่า GULF จะสามารถคว้าโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นผลประกอบการของ GULF มีโอกาสเติบโตสูง จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และอยู่ระหว่างการประเมินราคาเป้าหมายอีกครั้ง จากเดิมอยู่ที่ 47 บาทต่อหุ้น (ยังไม่รวมกำไรจาก INTUCH)