“ดาวโจนส์” ปิดบวก 89.08 จุด หุ้นไมโครซอฟท์หนุนตลาด
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 89.08 จุด หุ้นไมโครซอฟท์หนุนตลาด โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,819.56 จุด บวก 89.08 จุด หรือ 0.25%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ ซึ่งได้ช่วยชดเชยการร่วงลงของหุ้นแอมะซอนและหุ้นแอปเปิลหลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,819.56 จุด เพิ่มขึ้น 89.08 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,605.38 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด หรือ +0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,498.39 จุด เพิ่มขึ้น 50.27 จุด หรือ +0.33%
ทั้งนี้ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ บวก 0.4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.3% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.7% ส่วนทั้งเดือนต.ค. ดัชนีดาวโจนส์ บวก 5.8%, ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 6.9% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 7.3%
ด้านหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.24% ปิดตลาดวันศุกร์ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 331.62 ดอลลาร์ และปิดตลาดด้วยมูลค่าตามราคาตลาดที่ 2.49 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้าแอปเปิลซึ่งอยู่ที่ 2.48 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้ขณะที่หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.81% หลังเตือนว่าผลกระทบจากภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทานจะย่ำแย่ลงอีกในไตรมาสปัจจุบัน ส่วนหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2.15% หลังคาดการณ์ยอดขายที่ซบเซาในไตรมาส 4 ท่ามกลางภาวะขาดแคลนแรงงาน
ด้านข้อมูลจาก Refinitiv บ่งชี้ว่า บริษัท 279 แห่งในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการออกมาแล้วในช่วงเช้าวันศุกร์ โดย 82.1% รายงานผลประกอบการที่สูงกว่าคาด โดยอัตราการขยายตัวของผลประกอบการเทียบรายปีในปัจจุบันสำหรับไตรมาส 3 อยู่ที่ 39.2%
ขณะที่บรรดานักลงทุนได้ปรับตัวรับความสามารถของบริษัทต่าง ๆ ที่จะรับมือกับภาวะขาดแคลนแรงงาน, แรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น และภาวะชะงักงันในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนมองข้ามภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ผันผวน ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมที่จะเริ่มปรับลดการซื้อพันธบัตรเร็ว ๆ นี้ โดยเฟดจะประกาศนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 3 พ.ย.นี้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันศุกร์บ่งชี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นด้วย
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. แต่ชะลอตัวจากระดับ 1.0% ในเดือนส.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคล ลดลง 1.0% ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไป พุ่งขึ้น 4.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2534 โดยดัชนี PCE ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับเดือนส.ค.