วิตกข้อมูลศก.จีนซบเซา ฉุดดาวโจนส์ปิดลบเกือบ 50 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ต.ค.) หลังจากทางการจีนเปิดเผยตัวเลขการค้าที่ซบเซา รวมถึงยอดการนำเข้าที่ร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ย. ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกัน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (14 ต.ค.) ที่ 17,081.89 จุด ลดลง 49.97 จุด หรือ -0.29%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,796.61 จุด ลดลง 42.03 จุด หรือ -0.87% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,003.69 จุด ลดลง 13.77 จุด หรือ -0.68%

ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจทั่วโลกให้ถดถอยลงด้วย โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า การส่งออกของจีนในเดือนก.ย.ลดลง 1.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.3 ล้านล้านหยวน หลังจากที่ร่วงลง 6.1% ในเดือนส.ค. ขณะที่การนำเข้าเดือนก.ย.ร่วงลง 17.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 9.24 แสนล้านหยวน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงกว่าเดือนส.ค.ที่ลดลง 14.3%

การร่วงลงอย่างหนักของยอดการนำเข้าส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าของจีนในเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 96.1% สู่ระดับ 3.762 แสนล้านหยวน (5.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากระดับ 3.68 แสนล้านหยวนในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่นอนนอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ส่งสัญญาณว่า ขณะนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งขัดแย้งกับที่ ขณะที่นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า เฟดไม่ควรรีบเร่งในกระบวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้ รวมถึงโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกัน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป ด้านเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยผลประกอบการเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า กำไรในไตรมาส 3 ปรับตัวขึ้น 22% เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดการใช้จ่ายและได้รับประโยชน์ด้านภาษีมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเจพีมอร์แกนปิดตลาดขยับลง 0.7%

หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพร่วงลง โดยหุ้นเซลจีน และหุ้นไบโอเจน ร่วงลง 3.3% ขณะที่เรเจเนรอน ฟาร์มาซูติคอลส์ ดิ่งลง 3.6% ส่วนหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับลง 0.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าคาด

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.

Back to top button