IIG วิ่ง 3% โบรกฯชูเป้า 45 บ. มองกำไร Q3 สดใสรับรายได้โตเด่นทุกธุรกิจ

IIG วิ่ง 3% โบรกฯชูเป้า 45 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/64 โตต่อเนื่อง รับอานิสงส์รายได้ที่เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจและอัตรากำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการที่ธุรกิจขนาดใหญ่ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ของตนเองท่ามกลางกระแส digital transformation ในประเทศไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (5 พ.ย. 64) ราคาหุ้นของบริษัท ไอแอนด์ไอกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IIG โดย ณ เวลา 14:38 น. อยู่ที่ระดับ 41.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.12% ทำจุดสูงสุดที่ 41.50 บาท และต่ำสุด 39.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 39.58 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ต.ค. 64) คาดกำไรสุทธิของ IIG ในไตรมาส 3/2564 ที่ 24 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน) ผลักดันจากรายได้ที่เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจและอัตรากำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ผลประกอบการจากธุรกิจหลักของ IIG ยังคงได้อานิสงส์ต่อเนื่องจากการที่ธุรกิจขนาดใหญ่ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ของตัวเองท่ามกลางกระแส digital transformation ในประเทศไทย โดยคาดกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 จะคิดเป็น 64% ของประมาณการกำไรทั้งปี

สำหรับรายได้ในไตรมาส 3/2564 คาดอยู่ที่ 189 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน) ผลักดันจากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1) รายได้จาก Customer Relationship Management (CRM) จะเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบจากปีก่อน 2) รายได้จาก Enterprise Resource Planning (ERP) จะเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 3) รายได้จากธุรกิจอื่น ๆ จะเพิ่มขึ้นถึง 227% เมื่อเทียบจากปีก่อน (Digital marketing และ Data Analytic)

ทั้งนี้ IIG ได้รวมรายได้ของ DigiNative (IIG ถือหุ้น 60%) เข้ามาในงบรวมของบริษัทตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 ซึ่งคาดว่ารายได้ส่วนเพิ่มราว 1 ล้านบาทในไตรมาส 3/2564 ในขณะเดียวกัน คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8ppts เมื่อเทียบจากปีก่อนและ 0.5ppts เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนเป็น 29.6% ในไตรมาส 3/2564 และคาดจะเร่งตัวอีกในไตรมาส 4/2564 เพราะเข้าสู่ช่วง high season และการประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้น

โดยยังคงมองบวกกับแนวโน้มระยะยาวของ IIG โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 120 ล้านบาทในปี 2565 คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 38% เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งอัตราเติบโตในช่วงสองปีนี้  และแนวโน้มการเติบโตในถัดไปยังได้แรงหนุนจาก 1) การตั้ง joint venture ร่วมกับวิริยะเมื่อเดือนมิถุนายน 2564  2) การเปิดตัวสอง cloud software ใหม่อย่างเป็นทางการ (Coupa และ Vonage) ในเดือนสิงหาคม 2564 และ 3) การเข้าลงทุนใน DigiNative ในเดือนกันยายน 2564 (ถือหุ้น 60%)

ทั้งนี้ เนื่องจากผลประกอบการมีแนวโน้มสดใส จึงยังคงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 45.00 บาท อิงจาก P/E ปี 2565 ที่ 37.0 เท่า ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาวของหุ้นประเภทนี้ในภูมิภาคเพิ่มขึ้น 1.0 S.D.

Back to top button