IT ปิดพุ่ง 16% รับงบ Q3 กำไรโตทะลัก 300% ลุ้น Q4 เด่นต่อเนื่องรับไฮซีซั่น

IT ปิดพุ่ง 16% รับงบ Q3 กำไรโตทะลัก 300% ลุ้นไตรมาส 4 เด่นต่อเนื่องรับไฮซีซั่น มั่นใจทั้งปีรายได้โตไม่ต่ำกว่า 20%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(10พ.ย.2564) ราคาหุ้นบริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ IT ปิดตลาดที่ระดับ 10.40 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 15.56% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 166.47 ล้านบาท คาดเก็งกำไรหลังโชว์งบไตรมาส 3/2564กำไรโตทะลัก 300%

โดยบริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ IT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 ดังนี้

สำหรับยอดรายได้รวมสำหรับไตรมาส 3/2564 เท่ากับ 1,889.13 ล้านบาท ซึ่งลดลง 117.53 ล้าน บาท หรือลดลง 5.86% เทียบกับยอดขายรวมของงวดเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากปิดสาขาใน 29 จังหวัดเป็นเวลา 40 วัน

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมถึงค่าตอบแทนกรรมการและดอกเบี้ยจ่าย สำหรับไตรมาสที่ 3/2564 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 เท่ากับ 257.67 ล้านบาท ซึ่งลดลง 25.52 ล้านบาท หรือลดลง 9.01% เทียบกับงวดเดียวกันปีที่แล้ว อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมสำ หรับไตรมาสนี้เท่ากับ 13.64% ซึ่งลดลงจาก 14.11% ของงวดเดียวกันปีที่แล้ว

ด้าน นายโสภณ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้อำนวยการ IT เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/64 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่วงไตรมาสที่ดีที่สุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการจำหน่ายสินค้าด้าน IT และการขายสมาร์ทโฟน ขณะเดียวกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และได้คลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ส่งผลให้หน้าร้านกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ

ทั้งปี 64 บริษัทตั้งมั่นใจว่ารายได้จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 7,007.98 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ทำรายได้แล้วที่ 6,141.14 ล้านบาท ขณะเดียวกันจากการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการขายได้ดีขึ้นทำให้คาดว่าจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิสิ้นปีนี้ในระดับสูง โดยช่วง 9 เดือนแรกมีอัตรากำไรสุทธิที่ 6.98%

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 65 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 20% โดยคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในกลุ่ม IT เข้ามาอย่างต่อเนื่อง การขยายสาขา และมองหาโอกาสการลงทุนอื่นๆเพิ่มเติม ในขณะเดียวกันด้วยพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้บริษัทให้ความสนใจในการขยายช่องทางการขายผ่านออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ e-Maketplaces เช่น JD central, Lazada และ Shopee เป็นต้น คาดว่าเข้ามาช่วยผลักดันให้ยอดขายจากออนไลน์เพิ่มเป็นมากกว่า 10% จากปัจจุบันที่ราว 7%

ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการขยายสาขาในปี 65 เพิ่มอีก 43 สาขา หรือเพิ่มขึ้นเป็น 440 สาขา ซึ่งแบ่งออกเป็นสาขา Stand alone จำนวน 10-15 สาขา และเป็นสาขาภายใต้แบรนด์ ACE และ it. รวมจำนวน 15 สาขา ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนเพิ่มสาขา DTAC ใหม่ในรูปแบบ Stand alone ให้มากขึ้น รวมถึงวางแผนเพิ่มจำนวนสาขาที่เป็นแบบ Pop-up หรือ Booth ที่ตั้งอยู่นอกศูนย์การค้าอีกราว 30 สาขาอีกด้วย เพราะมองว่าจะเข้ามาช่วยกระจายความเสี่ยงจากการปิดสาขาในศูนย์การค้าในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาดรุนแรงที่ผ่านมา

ขณะที่ ณ สิ้นปี 64 นี้บริษัทคาดว่าจะมีสาขาเปิดให้บริการทั้งหมด 397 สาขา เติบโตกว่า 11% จากปีก่อน แบ่งเป็น IT CITY จำนวน 110 สาขา, แบรนด์ CSC จำนวน 164 สาขา, แบรนด์อื่นๆ จำนวน 71 สาขา, DTAC shop จำนวน 36 สาขา และ แบรนด์ ACE และ it. รวมจำนวน 16 สาขา

Back to top button