FSMART พุ่ง 5% ลุ้นผลงาน Q4 ฟื้น รับเปิดเมือง หนุนรายได้ธุรกิจ “e-Wallet” พุ่ง
FSMART วิ่ง 5% โบรกฯ “เก็งกำไร” เป้า 12.90 บ. ลุ้นผลงานไตรมาส 4 ฟื้น รับเปิดเมือง-คลายล็อกดาวด์ หนุนรายได้ธุรกิจ “e-Wallet”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (19 พ.ย.2564) ราคาหุ้นบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ณ เวลา 12:02 น. อยู่ที่ระดับ 13.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 4.80% โดยทำจุดสูงสุดที่ 13.30 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 12.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 122.47 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ย.2564) โดยคาดผลประกอบการไตรมาส 4 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน จากสถานการณ์ COVID19 ที่มีการคลายล็อกดาวน์ในช่วงเดือน พ.ย. 2564 รวมถึงการได้รับวัคซีนในประเทศครบสอง เข็มแล้วกว่า 50% โดยปัจจัยหนุนผลประกอบการมาจาก (1) มูลค่าการเติมเงินผ่าน e-Wallet ที่คาดยังเติบโตสูงทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน อีกทั้ง (2) การเป็นตัวแทนธนาคารพาณิชย์เพิ่ม อีก 1 ราย รวมเป็น 8 ราย โดยคาดจะทำให้มูลค่าการโอนเงินเติบโตต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะชะลอตัวลงจาไตรมาสก่อนจากการล็อกดาวน์ในประเทศ และ (3) บริการใหม่ๆ เช่น บริการถอนเงินที่จะเริ่มให้บริการในเดือน ธ.ค. 2564 รวมถึงการรับรู้รายได้จากบริการใหม่ เช่น บริการสินเชื่อ แก่รายย่อย และบริการเคาน์เตอร์แคชเชียร์ รวมถึงการขยายตู้เต่าบิน ที่ปัจจุบันให้บริการ แล้วกว่า 350 จุด และมียอดขายกว่า 16,000 แก้วต่อวัน
อย่างไรก็ดีในปี 2565 แม้ว่าธุรกิจเติมเงินมือถือจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ทางฝ่ายวิจัยมองว่าปัจจัยบวกที่จะชดเชยรายได้ที่ลดลงจะมาจาก (1) บริการถอนเงินผ่านตู้ Mini ATM ที่คาดว่าจะเริ่มหนุนรายได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 2/2565 โดยจะเริ่มให้บริการผ่าน K Plus และจะให้บริการสำหรับธนาคารอื่นเพิ่มในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้า 2 ปี 10,000 ตู้ อีกทั้ง (2) บริการเติมเงินผ่าน e-Wallet และบริการโอนเงิน ที่คาดจะกลับมาเติบโต Double Digit จากการเปิดกิจกรรม ต่างๆทางเศรษฐกิจ
ส่วน (3) การขยายตู้คาเฟ่อัตโนมัติเต่าบิน ซึ่งมีเป้า 10,000 ตู้ในปี 2565 โดยคาดว่าบริษัทจะทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ในช่วงปี 2565 และ (4) ดีลจับมือกับ SABUY ทางฝ่ายวิจัยมองว่า FSMART จะมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง เช่น ค่าใช้จ่าย คอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น และจะสามารถขยายตู้บริการประเภทต่างๆได้รวดเร็วขึ้น จากทำเลกว่า 2 แสนจุดทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีโอกาสจะเห็นสินค้าใหม่ในอนาคต
ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการในปี 2565 จากการเริ่มรับรู้รายได้จากการบริการใหม่รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรเพื่อใช้จุดแข็งในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน จึงแนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายใหม่ ปี 2565 ที่ 12.90 บาท