SKY บวกแรง 7% นิวไฮรอบ 8 เดือน ลุ้นผลงาน Q4 สดใส รับเปิดประเทศ-แบ็กล็อกแน่น 1.7 หมื่นลบ.
SKY บวกแรง 7% นิวไฮรอบ 8 เดือน ลุ้นผลงาน Q4 สดใส รับเปิดประเทศ-แบ็กล็อกแน่น 1.7 หมื่นลบ. ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 10 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (22 ก.ย.2564) ราคาหุ้นบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ณ เวลา 16.21 น. อยู่ที่ระดับ 12.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 6.72% โดยทำจุดสูงสุดที่13.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 12.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60.58 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 7 เดือนโดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 12.70 บาท เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2564
ด้านนายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เปิดเผยว่า การดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/2564 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2564 ส่งผลให้โครงการต่าง ๆ ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทางอากาศและรับรู้รายได้ตามจำนวนผู้โดยสารขาเข้า ผู้โดยสารขาออก ผู้โดยสารผ่าน และผู้โดยสารเปลี่ยนลำ เช่น โครงการการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) โครงการประมวลผลรายการข้อมูลสำหรับฐานข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสาร (PNR) มีโอกาสรับรู้รายได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เริ่มต้นเดินหน้าบุกภาคเอกชนอย่างเต็มตัว โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security Platform) ภายใต้ชื่อ TOSSAKAN (ทศกัณฐ์) ผสานพลังอันแข็งแกร่งอีกขั้นของเทคโนโลยี AI มาทํางานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ (Seamless) ดูแลความปลอดภัยภายในอาคารและพื้นที่สาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ ยกระดับความปลอดภัยในชีวิตให้แก่ผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งานอาคารทุกประเภท
ทั้งนี้ มุ่งเน้นเจาะตลาดความปลอดภัยของอาคาร 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.โครงการที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร 2.อาคารสํานักงาน 3.โรงแรม 4.โรงพยาบาล 5.โรงงาน 6.อาคารเชิงพาณิชย์หรือห้างสรรพสินค้า 7.สถานศึกษา ตั้งแต่โรงเรียนจนถึงมหาวิทยาลัย คาดว่าจะทยอยสร้างรายได้กลับเข้าสู่บริษัทและสร้างรากฐานให้แก่บริษัทในการขยายพอร์ตรับงานภาคเอกชน เชื่อมั่นว่าภาพรวมรายได้ปี 2564 จะยังคงรักษาระดับไว้ได้ไม่น้อยกว่ารายได้ปี 2563 โดยบริษัทได้เข้าทำสัญญาและมีงานที่รอส่งมอบตามสัญญาในอนาคต (Backlog) คิดเป็นยอดรอรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 10 ปี ประมาณ 17,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.76 ล้านบาท ลดลง 53.66% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 23.22 ล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 706.40 ล้านบาท ลดลง 28.42% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 986.89 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงส่งมอบโครงการภาครัฐหลายโครงการได้อย่างต่อเนื่อง
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การเปิดประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของภาครัฐชะลอตัวลง ส่งผลต่อโอกาสการรับงานใหม่ของผู้เชื่อมโยงระบบ หรือ System Integrator ทั้งอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามบริษัทได้สร้างรากฐานปริมาณงานในมือไว้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้” นายสิทธิเดช กล่าว