“เจเอเอส แอสเซ็ท” เตรียมขาย IPO ที่ราคา 2.77 บ. ช่วง 2-4 พ.ย.นี้
"เจเอเอส แอสเซ็ท" หรือ J ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เตรียมขาย IPO จำนวน 120,390,000 หุ้น ที่ราคา 2.77 บาท ในช่วง 2-4 พ.ย.นี้ ตั้งราคาขายให้ส่วนลด 55% มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี โดยมีบล.เอเซีย พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นางนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าหุ้นที่จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ซึ่งจะเปิดจองซื้อแก่นักลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.58 นั้นจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน หลังการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนสถาบันในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับดีมาก เนื่องจากธุรกิจของบริษัทมีการกระจายความเสี่ยงและมีแนวโน้มการเติบโตสูงในอนาคต ขณะที่ในวันนี่บริษัทยังได้นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนรายย่อยที่ให้ความสนใจด้วย
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 333.48 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจราว 70% เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ส่วนที่เหลืออีกราว 30% จะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจำนวน 100 ล้านบาท จากปัจจุบันมีเงินกู้ระยะยาวอยู่ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ของบริษัทจะลดลงเหลือ 1 เท่า จากปัจจุบันมี D/E อยู่ที่ 1.73 เท่า
“ธุรกิจเรามีด้วยกัน 3 ธุรกิจ คือ พื้นที่เช่า IT Junction ศูนย์การค้าชุมชน The Jas และตลาดชุมชน J Market ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจเช่าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความคล่องตัวสูง โดยจากการโรดโชว์ที่ผ่านมาแก่นักลงทุนสถาบัน ก็ถือว่ามีการตอบรับดีมาก ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ขยายธุรกิจ 70% และใช้คืนหนี้ 30% ของเงินที่ระดมทุนได้ โดยการขยายธุรกิจยังคงเน้นเปิดสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล เนื่องด้วยยังมีพื้นที่ในการขยายได้อีกมาก แต่ก็อยู่ระหว่างศึกษาการขยายไปต่างประเทศในแถบ AEC ด้วยเช่นกัน ซึ่งยังต้องใช้เวลา”นางนงลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาให้ครบ 100 สาขา ภายในปี 62 จากปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 49 สาขา โดยจะขยาย IT Junction ประมาณ 8 สาขาต่อปี ,ขยาย J Market ประมาณ 1-2 สาขาต่อปี และขยาย The Jas ประมาณ 1 สาขาต่อปี ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ในปี 62 จะมาจากการบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า (IT Junction) 60% จาก 85% ในปัจจุบัน ,การบริหารตลาดชุมชน (J Market) 20% จาก 4% ในปัจจุบัน และการบริหารศูนย์การค้าในชุมชน (The Jas) 20% จาก 11% ขณะนี้
สำหรับในปี 58 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตราว 20% จากการขยายสาขา และการปรับขึ้นค่าเช่า 5-15% ต่อปี ขณะเดียวกันบริษัทยังมีนโยบายรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)ที่ระดับ 30% และมีนโยบายรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ระดับ 15%
อนึ่ง J ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จะขายหุ้น IPO จำนวน 120.39 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น แบ่งเป็นเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้น JMART จำนวนไม่เกิน 48.156 ล้านหุ้น หรือ 40% ของหุ้นที่เสนอขาย และเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปจำนวนไม่น้อยกว่า 72.234 ล้านหุ้นในช่วงวันที่ 2-4 พ.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (SET) ได้ในวันที่ 10 พ.ย.โดยมี บล.เอเซีย พลัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า หุ้น IPO ของ J ที่จะเสนอขายนั้นจะจัดสรรให้กับสถาบันประมาณ 40% และให้นักลงทุนทั่วไปประมาณ 60% โดยกำหนดราคาเสนอขายที่ 2.77 บาทต่อหุ้น คิดเป็น P/E ประมาณ 12.7 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรปกติจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. 57-สิ้นเดือนมิ.ย.58) ซึ่งราคาดังกล่าวมีส่วนลดให้กับนักลงทุน 55% จากราคาพื้นฐานที่บริษัทหลักทรัพย์ผู้ร่วมจัดจำหน่ายได้ทำไว้