TEAMG ปิดพุ่ง 11% ลุ้น Q4 ฟื้นแกร่ง ตามแบ็กล็อกเพิ่ม-มั่นใจรายได้ปีนี้โตต่อเนื่อง

TEAMG ปิดพุ่ง 11% ลุ้นผลงาน Q4 ฟื้นแกร่ง ตามแบ็กล็อกเพิ่ม-มั่นใจรายได้ปีนี้โตต่อเนื่อง โดยหุ้นปิดตลาดวันนี้(25 พ.ย.64) ที่ระดับ 3.30 บาท บวก 0.34 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(25 พ.ย.64) ราคาหุ้นบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG ปิดตลาดที่ระดับดับ 3.30 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 11.49% ด้วยมูลค่าซื้อขา 294.89 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้(15พ.ย.64) ดร.อภิชาติ สระมูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEAMG เปิดเผย ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับงบประจำไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 33.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.61 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 15.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 82% เทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีการผลิตงานที่ได้รับมาใหม่ช่วงต้นปีได้มากขึ้น การบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ปรับการบริหารงานให้มีความเหมาะสมตามสถานการณ์ในปัจจุบันและควบคุมงานก่อสร้างได้ตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม ประจำไตรมาส 3 ปี 2564 อยู่ที่ 440.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.90 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 1.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 14.8% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการรวม 434.12 ล้านบาท และมีรายได้อื่นอยู่ที่ 6.11 ล้านบาท

โดยรายได้จากการให้บริการส่วนใหญ่ยังคงมาจากงานโครงการภาครัฐ ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 291.03 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 35% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการรับงานใหม่เพิ่มเข้ามาและสามารถผลิตงานได้เพิ่มมากขึ้นรวมถึงสามารถบริหารและดำเนินการงานก่อสร้างได้ตามเป้าที่วางไว้

ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากการปิดไซต์งานก่อสร้างตามมาตรการการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐ ที่ประกาศบังคับใช้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาส่งผลให้รายได้จากโครงการเอกชนลดลง โดยมีรายได้อยู่ที่ 112 ล้านบาท แต่คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ จากการผ่อนคลายมาตรการการล็อคดาวน์ในประเทศลง

ส่วนของรายได้จากการให้บริหารงานในโครงการต่างประเทศนั้น ได้ปรับลดลงตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้บริษัทฯ ประสบความลำบากในการรับงานในโครงการต่างประเทศ แต่เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มทยอยรับงานโครงการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อนเข้ามาใหม่ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่งผลให้มีรายได้จากการให้บริการงานธุรกิจเกี่ยวเนื่องปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 12 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 54%จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ในภาพรายได้ในภาพรวมของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้

ดร.อภิชาติ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังคงทยอยรับรู้รายได้ตามงานในมือที่มีอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถรถรับงานใหม่เพิ่มเข้ามาได้ โดยงานส่วนใหญ่ยังคงมาจากโครงการภาครัฐเป็นหลัก ขณะที่โครงการในส่วนของภาคเอกชนน่าจะเริ่มฟื้นตัว และบริษัทฯ คาดว่าจะรักษารายได้การเติบโตในปีนี้ได้อย่างต่อเนื่อง จากงานในมือที่เพิ่มขึ้น และจากการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ

Back to top button