ดาวโจนส์ปิดบวก 74 จุด หลังตลาดซึมซับข้อมูลศก.สหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากที่แกว่งไปมาทั้งในแดนบวกและแดนลบ หลังนักลงทุนซึมซับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 74.22 จุด หรือ 0.43% ปิด (16 ต.ค.) ที่ 17,215.97 จุด, ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 9.25 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 2,033.11 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 16.59 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 4,886.69 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ การผลิตที่ร่วงลงดังกล่าวได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้อุปสงค์ของสินค้าจากสหรัฐลดลง
ด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเบื้องต้นประจำเดือนต.ค. พุ่งขึ้นสู่ระดับ 92.1 จากระดับ 87.2 ในเดือนก.ย. ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ 89.5 ในเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นที่ปรับตัวขึ้นบ่งชี้ว่าผู้บริโภคเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากภาวะผันผวนในตลาดการเงิน และภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่อ่อนแอ
ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่เปิดรับสมัครโดยสถานประกอบการในสหรัฐลดลงสู่ระดับ 5.4 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. จากระดับ 5.7 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2000 ทางกระทรวงยังได้เปิดเผยว่าจำนวนแรงงานที่ลาออกจากงานโดยสมัครใจทรงตัวที่ระดับ 2.7 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 3.39% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นประจำไตรมาสที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ถึงแม้ว่ายอดขายจะปรับตัวลดลง, หุ้นแมทเทล อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่เพิ่มขึ้น 6% ถึงแม้ว่าบริษัทจะเปิดเผยรายได้ต่อหุ้นที่ปรับตัวลดลงในไตรมาสที่ 3 หลังประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทยืนยันจะจ่ายเงินปันผลตามแผน, หุ้นควอนตา เซอร์วิสเซส ร่วงลง 29% หลังระบุว่าบริษัทอาจจะมีรายได้ในไตรมาสที่ 3 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้