B บวก 6% ลุ้นปีนี้เทิร์นอะราวด์-เตรียมล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยงภายใน 1-2 ปี

B บวก 6% ลุ้นผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์-เตรียมล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยงภายใน 1-2 ปี โดย ณ เวลา 16:05น. อยู่ที่ระดับ 0.89 บาท บวก 0.05 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(3 ธ.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B ณ เวลา 16:05น. อยู่ที่ระดับ 0.89 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 5.95% ราคาสูงสุด 0.91 บาท ราคาต่ำสุด 0.84 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 199.68 ล้านบาท

ด้านผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2564 พลิกมีกำไรอยู่ที่ระดับ 109.37 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนอยู่ที่ 32.04 ล้านบาท ลุ้นปีนี้ผลงานพลิกกำไรในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2560 ขาดทุน

โดยก่อนหน้านี้(18ต.ค.64)ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ B เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ (Master Plan) ของปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะเสนอบอร์ดภายในเดือนนี้ สำหรับแผนหลักของบริษัทจะให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักคือการให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเป้าหมายสำคัญก็คือการเติบโตที่ยั่งยืน รวมทั้งบริหารจัดการขนส่งและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร ทั้งนี้จะมีการต่อยอดธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและโลจิสติกส์เข้ามาเสริมเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจให้กับบริษัท

โดยธุรกิจหลักของ B คือการให้บริการขนส่งครบวงจร ก็ยังถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 80% ของรายได้รวม และที่เหลือจะเป็นรายได้จากการลงทุนอื่นๆเพื่อที่จะสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เข้ามาเสริม ถือเป็นการกระจายรายได้ให้กับบริษัท และช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเน้นการลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

สำหรับภาพรวมธุรกิจให้บริการขนส่ง บริษัทมีจำนวนรถหัวลากอยู่ที่ 37 คัน นอกจากนี้จะมีการใช้บริการซับคอนแทรคที่เป็นพันธมิตรของบริษัทอีกประมาณ 100 คัน เพื่อรองรับความต้องการใช้รถหัวลากได้เพียงพอ ปัจจุบันบริษัทได้มีการขยายฐานลูกค้าไปในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพราะเป็นกลุ่มลุกค้าที่มีความต้องการใช้บริการขนส่งและโลจิสติกส์เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้บริษัทเตรียมที่จะขยายเพิ่มกลุ่มลูกค้าอีคอมเมิร์ซ นอกเหนือจากความร่วมมือกับทางลาซาด้า เอ็กซ์เพรส จำกัด ในการให้บริการขนส่งสินค้าในกรุงเทพ-ปริมณฑล เนื่องจากมองว่ากลุ่มอีคอมเมิร์ซเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง และมีความต้องการใช้บริการขนส่งสูง

สำหรับภาพรวมการลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภค ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนในเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 2 โครงการคือ โครงการโซลาร์ฟาร์ม SPP ภายใต้บริษัทย่อยสยาม โซลาร์ ที่อยู่ในชัยภูมิ กำลังการผลิต 27 เมกะวัตต์ โดยได้ COD ไปแล้วตั้งแต่ปี 2556 และโครงการโซลาร์ฟาร์ม ในประเทศเวียดนาม ที่บริษัทเข้าไปร่วมลงทุน กำลังการผลิต 29 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ COD ไปแล้วเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา โดยที่ทั้ง 2 โครงการถือว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เสริมเข้ามาให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ก็ได้ลงทุนในธุรกิจผลิตน้ำดิบ โดยเข้าไปถือหุ้น 51% ในบริษัท เทพฤทธา จำกัด

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย รัฐบาลทยอยปลดล็อกดาวน์ รวมทั้งเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย นี้ จะส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์สดใสมากขึ้น รวมทั้งจะมีการรับรู้รายได้ในส่วนของธุรกิจผลิตน้ำดิบเพิ่มขึ้นจากฤดูฝนในปีนี้ได้เติมน้ำเข้าบ่ออีกเป็นจำนวนมาก ทำให้มีปริมาณน้ำดิบเพื่อส่งจำหน่ายมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้รายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ 10-15%

“แผนยุทธศาสตร์ปี 2565 จะช่วยขับเคลื่อนให้ B มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะปัจจุบันสถานะของบริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจเต็มที่ ฐานะการเงินก็มีความแข็งแกร่ง  สัดส่วนหน้าสินต่อทุนเหลือแค่ 0.18 เท่า ตอนนี้บริษัทแทบไม่มีเงินกู้ยืม ภาวะดอกเบี้ยก็น้อย ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวในการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิกว่า 98 ล้านบาท เติบโตกว่า 688% ได้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทและก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง บริษัทตั้งเป้าหมายภายใน 1-2 ปี  บริษัทจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่อยู่ราว 84 ล้านบาท ได้ทั้งหมด” ดร. ปัญญากล่าว

Back to top button