TRV ทะยานแรง! พุ่งอีก 13% แย้มผลงาน Q4 สดใส เดินหน้าขยายกำลังผลิต-เจาะตลาด EV เพิ่ม
TRV ทะยานแรง! พุ่งอีก 13% แย้มผลงานไตรมาส 4 สดใสต่อ เดินหน้าขยายกำลังผลิต-เจาะตลาด EV เพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(8ธ.ค.64) ราคาหุ้นบริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRV ณ เวลา 11:41 น. อยู่ที่ระดับ 5.00 บาท บวก 0.58 บาท หรือ 13.12% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 664.15 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้(2ธ.ค.64)นายธีรวุฒิ นวมงคลชัยกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRV กล่าวว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายมากกว่าปี 2563 ที่มีรายได้ประมาณ 159.65 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 มีการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ปี 2565 ตั้งเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตมากกว่า 10% จากปีนี้ โดยคาดอุตสาหกรรมยานยนต์มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจะมีการขยายเครื่องจักร และขยายกำลังการผลิต รวมถึงการขยายไปยังตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุน บริษัทจะนำไปซื้อเครื่องจักรตามแผนระยะ 3-5 ปี จะมีการซื้อเครื่องจักร 15 เครื่อง เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม รวมถึงการเพิ่มศักยภาพของบุคลากร ทั้งนี้ การซื้อเครื่องจักร จะทำให้มีการขยายไปในกลุ่มยานยนต์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ด้านแผนการดำเนินงานของ TRV จากการนำเงินระดมทุนไปลงทุนซื้อเครื่องจักร 85 ล้านบาท จำนวน 15 เครื่อง ซึ่งเป็นการทยอยลงทุนในปี 2565-2568 ทั้งนี้เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม และลูกค้ารายใหม่ ๆ ที่จะทยอยเข้ามา รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินบางส่วน และที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ชำนาญในการทำธุรกิจยาง มีประสบการณ์ มีความสัมพันธ์กับทางลูกค้าที่ดี ลูกค้าจึงมีความเชื่อมั่นในคุณภาพ รวมถึงมีการส่งมอบที่ตรงต่อเวลา และไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากชิ้นส่วนยางขึ้นรูปเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในการใช้งาน มีคุณสมบัติเฉพาะตัว จึงยังสามารถที่จะเติบโตได้อีกมาก โดยชิ้นส่วนยางไม่เหมือนวัสดุตัวอื่น จึงยากที่จะมีการทดแทนได้ ด้วยความละเอียดของชิ้นส่วนที่นำไปใช้จึงมีความสำคัญมาก ดังนั้นจึงยากที่จะมีวัตถุอื่นมาทดแทนได้
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สัดส่วนรายได้ของ TRV ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 มีรายได้จากการขายชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ ประมาณ 50% ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณ 40% และที่เหลือเป็นชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่น ๆ
ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ประมาณ 0.4 เท่า ซึ่งหลังจากที่มีการชำระหนี้บางส่วน น่าจะส่งผลให้ D/E ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับงวด 9 เดือนแรกมีกำไรเติบโต 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้เติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากทิศทางของธุรกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ ก็น่าจะส่งผลให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้